วิญญานที่แทรกอาศัยในกายคน ท่อน 1

วิญญานที่แทรกอาศัยในกายคน ท่อน 1

437
0
แบ่งปัน

**** “วิญญานที่แทรกอาศัยในกายคน ท่อน 1” ****

เช้าๆออกจากสมาธิข้าได้แผ่เมตตาไปรอบๆทิศ แผ่ทุกวัน แผ่ทั้งวัน แผ่ไปยังสรรพสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลายทั้งปวง

โลกเรานั้นมันมีพลังงานและสสารเป็นของคู่กัน เป็นเพียงแต่เรานั้นมองไม่เห็น เราจึงคิดไปว่า มีแต่รูปที่เราเห็นเท่านั้น ที่มีอยู่ในโลกนี้

เราลองเอาน้ำสะอาดใสๆมาใส่แก้วซิ แล้วแยกออกมาซักสามแก้ว

แก้วแรก พูดจาหวานๆ ยิ้มแย้มแจ่มใสพูดคุยอะไรดีๆกับน้ำมัน

แก้วที่สองเฉยๆกะมัน ไม่สนใจไม่ให้ค่า ไม่พูด ไม่ทำความรู้สึกอะไรกะมัน

แก้วที่สาม ด่ามัน ไอ้ซ่นตีน ไอ้สัตว์ ไอ้เหี้ยอะไรก็ว่ากันไป ชี้มันด้วย

สำคัญทำตอนไม่มีใครนะ ไม่งั้นเราจะมีโทษถึงขั้นผัวเราจับไปส่งศรีธัญญาสบายแฮเลย

แค่สามสี่วัน เราจะเห็นว่า น้ำที่เราพูดดี ให้ความรู้สึกดีๆ น้ำนั้นจะใสและไม่มีกลิ่น

หากมีกล้องเทเลขยาย จะเห็นผลึกน้ำเรียงตัวเป็นแฉกดาวสวยงาม

ส่วนน้ำที่ด่าทอ ใส่อารมณ์ร้ายๆลงไป น้ำจะขุ่น หากขยายดูผลึก ผลึกจะรวมตัวยุ่งเหยิง ดูน่าเกลียดน่ากลัว

ส่วนน้ำที่เราไม่ให้ค่า มันจะมีกลิ่นเหม็น คาวๆ ผลึกที่ขยายออกมา มีรูปร่างกระจัดกระจาย ไม่รวมกลุ่ม

ทำไมถึงเป็นเช่นนี้..

ที่เป็นเช่นนี้นั้นก็เพราะว่า แม้แต่ในน้ำนั้น ก็มีวิญญาน

วิญญานนี้ เป็นพลังงาน อาศัยสสารเป็นรูปในการแสดงตัว ตัวมันน่ะเป็นพลังงาน เป็นรูปของพลังงานละเอียด

วิญญานเกิดจากอะไรนั้น ก็ต้องร่ายกันยาวเหยียดเพื่อความเข้าใจในเหตุของมัน

แต่รวมๆแล้ว วิญญานนี่ อาศัยจิตปรุงแต่ง ที่เรียกว่าสังขารจิต อาศัยกลไกแห่งอวิชา ที่มาจากผัสสะ

ผัสสะกับอะไร ก็ต้องขยายแยกย่อยออกไปยาวเหยียดอีก เพราะมันมีกาลซ้อนๆลึกลงไปเป็นรอบของวัฏฏะ

ทีนี้นี่..มันมีวิญญานที่ปรุงแต่งสำเร็จเคยมีรูปมาแล้ว แต่รูปได้ถึงกาลหมดวาระสลายไปด้วยอำนาจแห่งวิบาก

รูปหยาบสลายไป แต่รูปวิญญาน ยังคงอยู่ และที่สำคัญ วิญญานเหล่านี้ยังไม่หมดอายุขัย วิญญานเหล่านี้จึงไม่มีอำนาจกำลังไปสร้างรูปใหม่ได้

วิญญานเหล่านนี้ จึงอยู่ในสภาพ อากาศวิญญาน ที่เราเรียกๆกันว่า สัมภเวสีก็ได้

สัมภเวสีนี่ เป็นวิญญานที่ยังต้องรอการเกิด เป็นวิญญานที่ยังไม่หมดอายุขัยแห่งการปรุงแต่งจิต

ปกติ วิญญานที่มีรูป จะอาศัยผ่านรูปผัสสะมาปรุงแต่ง เมื่อไร้รูปคือกายที่สร้างจากธาตุสี่ มันสิ้นสลายไป

สิ่งที่วิญญานปรุงแต่งได้ ก็คือบันทึกสัญญา ที่เรียกกันว่า ภวังค์วิญญาน

วิญญานเหล่านี้ ใช้บันทึกสัญญาเป็นเครื่องปรุงและเสวยวิบากที่เหลือนี้ไปจนกว่า จะสิ้นสัญญาแห่งอายุขัย

ทีนี่..วิญญานเหล่านี้นี่ มันเป็นอากาศวิญญาน อากาศเหล่านี้นี่ มันอาศัยรูปบอดหรือสสารอะไรก็ได้

จะในก้อนหิน รูปปั้น ต้นไม้ ใบหญ้าสรรพสิ่งใดๆก็ตาม วิญญานมันก็สิงอาศัยอยู่ได้ทั้งนั้น

หนึ่งในนั้นที่เราคาดไม่ถึงก็คือ กายของมนุษย์เรา นี่..เราจะพูดกันถึงตรงนี้

ไอ้เรานั้นเป็นเจ้าของกาย ไอ้เจ้าของกายนี่ มันฟูมฟักร่างกายด้วยโปรแกรมธรรมชาติของมัน จนรูปร่างเติบใหญ่

ด้วยความเป็นจริงที่เราไม่รู้กันก็คือ วิญญานเจ้าของกายนี้ มันอาศัยกายอยู่ด้านนอก ไม่ได้อาศัยกายภายในดั่งที่เราเข้าใจกัน

แต่วิญญานที่อาศัยกายด้านใน หรืออาศัยกายของมนุษย์หรือสัตว์ใดๆเป็นเครื่องอยู่

มันเป็นวิญญานดวงอื่น ที่เราเรียกว่า สัมภเวสี

สัมภเวสีเหล่านี้ สามารถมาอาศัยร่างกายของเราที่เป็นมนุษย์เป็นๆนี่ได้ พอๆกับอาศัยรูปมนุษย์ ที่ไร้วิญญานเจ้าของครอง

คือพวกที่ตายไปแล้วเหลือแต่กระดูก มันก็อาศัยสิงอยู่ได้ รูปเป็นเครื่องอยู่ของพลังงานเสมอ

รูปที่ยังมีวิญญานครอง กับรูปที่ไม่มีวิญญานครอง เหล่าสัมภเวสีที่ยังไม่หมดวิบากแห่งอายุขัย ต่างมีสิทธิ์เข้าไปสิงสู่ เป็นเรือนเหมือนปูเสฉวนฉันนั้น

จริงๆกายมันก็คือเปลือกอย่างหนึ่งให้วิญญานมันได้อยู่อาศัย แต่มันก็มีเงื่อนไขแห่งวิญญานที่จะมาอาศัยอีก นั้นก็คือ สัญญาสายใยวิบากระหว่างกันที่มีต่อกัน

สายใยวิบาก ที่มีสัญญาต่อกันนี่ ไม่มีใครไปเป็นเจ้าของ แม้แต่วิญญานที่มาอาศัยสิงอยู่มันก็ไม่รู้

สิ่งเหล่านี้เป็นระหัสธรรมชาติแห่งกรรมนิยาม ที่อาศัยจิต ธรรม ฟิสิกส์ พีซชะ อันเป็นธรรมชาติทั้งห้า ว่ากันไปตามกลไก อันเรียกชื่อรวมว่า ” วิบาก”

วิญญานเหล่านี้ หากอาศัยรูปโดยวิบากสัญญา วิญญานก็จะอยู่เฉยๆ

หากสัญจรมาอยู่ชั่วคราว พวกนี้ก็จะแสดงออกด้วยบันทึกสัญญา เช่นพวกร่างทรง

แต่โดยธรรมชาติ หากวิญญานใดมาสิงอยู่ก่อน และมีกำลังพลังงานกล้าแข็งกว่า

วิญญานอื่นก็จะเข้ามาสิงมาครองรูปนั้นไม่ได้ พลังงานเหล่านี้ มันขวางกั้นอยู่มันหวงรูป พอๆกับที่เราหวงรูปนั้นแหละ

ส่วนเจ้าของรูปที่เป็นเราๆเรียกว่า เป็นวิญญานที่มีรูป วิญญานเหล่านี้ เรียกว่าเป็นวิถีวิญญาน

วิถีวิญญานเหล่านี้ อาศัยผัสสะจากรูปที่ก่อขึ้นมาปรุงแต่งสังขาร ด้วยอำนาจวิบากแห่งกรรมเข้ามาเป็นเครื่องปรุงโดยตรง

เรียกว่า ยังเป็นพืชที่มีชีวิต อาศัยรูปเพื่อยังชีวิตด้วยความเป็นเจ้าของอย่างสมบรูณ์ แตกต่างจากวิญญานที่หมดรูปแล้วมาอาศัยสิงสู่

อย่างเราๆทั้งหลายนี่ หากมีสติที่แข็งกล้า วิญญานอื่นจะเข้ามาอาศัยร่างนี่ไม่ได้

มันมีสติและกำลังสมาธิปัญญาเป็นเครื่องป้องกัน

บางคนมีสมาธิ ฝึกสมาธิ แต่ขาดปัญญาและศีลที่มั่นคง วิญญานอื่นเขาก็มาสิงร่างได้

หลายๆคนมีอาการเพี้ยนๆ เจ็บป่วย เป็นนั่นนู่นี่ เกิดอาการมีญานรู้อะไรแปลกๆโดยที่ตัวเองก็ไม่เคยรู้ไม่เคยสัมผัสมาก่อน

พวกนี้นี่ มีวิญญาน อื่นเข้ามาสิงอาศัยทั้งนั้น เป็นแต่เจ้าตัวไม่รู้เรื่องเท่านั้น

วิญญานเหล่านี้ มีทั้งดีและร้าย ขึ้นอยู่กับจริตวิสัยแห่งวิบากที่เขาก่อ

ที่สำคัญ…คนยุคนี้กำลังใจอ่อนแอ เหล่าวิญญานร้ายๆได้เข้ามาสิงสู่อาศัยกันเป็นจำนวนมาก นี่เป็นธรรมชาติ

ข้าจะเล่าเรื่องวิญญานสาวน้อยนางหนึ่ง ที่สิงอาศัยในกายของคุณยายท่านหนึ่งที่ขึ้นมาหาข้าถึงยอดภูเขา เมื่อครั้งอยู่ป่าในภูเขา

แต่นี่ก็เล่ามายาวแล้ว มีคนเข้ามาหา ยกไว้ตอนหน้า เดี๋ยวเรามาฮ่ากันกับความแปลกๆของเหล่าวิญญาน

ตีตั๋วรอกันไอ้น้องข้าต้องขึ้นไปบนภูเขาดูงานก่อน..

พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง วันที่ 21 พฤศจิกายน 2559