ขึ้นชื่อว่าธรรมอย่าเพิ่งไปเชื่อใคร

ขึ้นชื่อว่าธรรมอย่าเพิ่งไปเชื่อใคร

643
0
แบ่งปัน

***** ขึ้นชื่อว่าธรรมอย่าเพิ่งไปเชื่อใคร *****

ขอสาธุคุณให้มีแต่ความสุขความเจริญ

ชนบางคนจะอธิบายแค่ไหน มันก็ไม่ฟัง

นี่…ทิฏฐิแห่งตนที่ยึดมั่นถือมันเป็นเหตุ

การเป็นเจ้าของยึดในความคิดตน เมื่อสุขมันก็เป็นสุข ชอบและพอใจ

แต่เมื่อทุกข์ มันก็ย่อมเป็นเจ้าของทุกข์ด้วย ดันไม่พอใจ แถมผลักใส

นี่…เห็นไหม เช่นนี้เป็นอาการเจ้าของแห่งจอมอัตตา

ชนเช่นนี้ ถูกใจก็ชอบใจไปซะหมด

ไม่ถูกใจ ก็ไม่ชอบใจไปซะหมด

ถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้าง ชอบบ้างไม่ชอบบ้าง

เอาทิฏฐิตนไปเป็นเจ้าของอาการ

นี่…อาการแห่งชนผู้มีกิเลสหนา เรียกว่าเป็น ปุถุชน
คนธรรมดา ที่มีที่ไปยามกายแตก ย่อมไม่เป็นที่แน่นอน

อาการทั้งหลายที่ไหลไปตามกระแสแห่งทิฏฐิตน โดยการขาดพิจารณา ยั้งคิด

ธรรมทั้งหลายมันย่อมหมุนเวียนไปทางสมุทัย
ผลทั้งหลายก็คือ ทุกข์

อาการทั้งหลายที่ไหลไปตามกระแสแห่งทิฏฐิตน แต่เจ้าของมีสติ พินิจพิจารณาตามกำลังแห่งปัญญาตน

ธรรมทั้งหลายมันย่อมหมุนเวียนไปทางมรรค
ผลทั้งหลายย่อม ดับสงบ เรียกว่า นิโรธะ

การไหลเวียนแห่งธรรมนี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับหลักการ จากตำรา จากการฟัง จากการจำ จากตรรกะ จากปรัชญา

แต่ธรรมทั้งหลายว่าด้วยประสบการณ์ ตามเหตุปัจจัย ที่ตนพึงมี ตามกำลังและปัญญาที่ได้เข้าใจ

ผู้อื่นขึ้นชื่อว่าปราชญ์ อาจให้นิยามแห่งทิฏฐิเราว่า เราผิด

เราผิดแค่ไม่ถูกกับความรู้สึกเขา เพราะปัญญาเรามีแค่นี้ เช่นนี้เราไม่ผิด

ความถูกผิด มันเกิดจากอัตตาสมมุติ อุปาทานที่ชนเขาสมมุติขึ้นมา

หากเรามั่นใจว่าถูก ตามเหตุตามผลที่เราได้พิจารณา

เรา…พึงเป็นกำลังแห่งปัญญาของเราไปก่อน โดยไม่จำเป็นต้องไปว่าตามใคร ที่ต่างฝ่าย ต่างก็ยังไม่รู้จริง

ตราบเมื่อมีปราชญ์ผู้รู้ ผู้อธิบาย ตามหลักเหตุ หลักผล จนกำลังภูมิแห่งเราโต้แย้งไม่ได้

แต่เราสามารถตามรู้ได้ โดยไม่ขัดกับหลักธรรม

เราพึงศึกษาธรรมนั้น มาประเทืองใจ นำเอามาใส่ใจ
เพื่อความสิ้นสงสัยในธรรมทั้งหลาย ที่จะพึงเกิดกับเรา โดยไม่ต้องเชื่อใครอีกต่อไป

นี่…ทางแห่งพุทธะ ย่อมเดินได้แต่ลำพังตนคนผู้เดียว
เท่านั้น ไม่ได้เดินได้ ด้วยฝูงชน ที่เห็นด้วย หรือถูกใจ
ไม่ถูกใจ ที่จะได้ดำเนินไปพร้อมๆ กัน

ต่างชนก็ต่างไป ทางใครก็ทางมัน ฉนั้น พึงฟังธรรม ด้วยใจเรา ที่เข้าถึงความเป็นจริง โดยอย่าพึง เพิ่งเชื่อใคร

วันที่ 8 กันยายน 2558