กลัวเกินเหตุ ก็งมงาย

กลัวเกินเหตุ ก็งมงาย

1231
0
แบ่งปัน

ลูกศิษย์ : หนูยอมโง่ ดีกว่าสร้างบาปใส่ตัวเองค่ะ ขออนุญาตค่ะ คนที่มีความเกรงกลัวต่อบาป เพราะพุทธศาสนาสอนให้กลัวบาป

พุทธศาสนาไม่เคยสอนให้ด่าว่ากล่าวติเตียนคนอื่น

ถ้าพระอาจารย์จะด่าว่า กลัวจนโง่งมงาย หนูก็ยอมโง่ ค่ะ พุทธศาสนาสอนไว้ว่า การด่าว่าคนอื่นนั้น ไม่ได้ทำให้จิตเราสูงขึ้น
ตรงข้ามมันทำให้จิตเรา ขุ่นมัว และยังเป็นภัยกับตัวเราเอง ด้วยค่ะ

พระอาจารย์ : เรื่องนี้ชี้ให้ว่า เดี๋ยวนี้มีมีพระอย่างนี้เยอะ การที่เราหลงคิดไปว่า หากใส่ผ้าเหลืองแล้ว ทุกคนที่ใส่คือสิ่งประเสริฐ

นี่ความคิดเช่นนี้มันงมงาย ไอ้น้อง Vanida Supol

การติเตียนผู้อื่นเพราะเหตุแห่งกิเลสตน เพราะความไม่ถูกใจ เพราะเพ่งโทษ เพราะอาฆาต

เพราะอยากให้ใครอื่นเขาเห็นด้วย อย่างนี้ ไม่ควรติเตียน เพราะมันจะเป็นบาปแก่ใจ

แต่ผู้ที่มีพฤติกรรมทำลายศาสนา การปกป้อง จะด้วย วาจา คิด ทำ มันไม่ควรหรือ

หากทุกคนเห็นว่าการกระทำเช่นนี้ ทำให้จิตตนขุ่นมัว ไม่กล้าทำเพราะกลัวบาป ไม่ทำให้จิตใจเราสูง และเป็นภัยแก่ตนเอง เพราะเรายึดและงมงายความดี

โจรในศาสนามันก็อยู่อย่างสบาย และคนทั้งหลาย ก็กำลังสนับสนุนโจร

ด้วยคิดว่า ตนเป็นคนดีเป็นเหตุ แค่โจรมันถากหัวห่มฝาด เราแค่กลัวบาป แต่ไม่กลัวโจรที่มันหลอกลวงเรา

การเกรงกลัวต่อบาป มันเป็นใจที่ละอายชั่ว นี่เป็นผู้มีศีล

การมีศีล มันต้องมีศีลอย่างผู้มีปัญญา

ไม่ใช่นอบน้อมแม้แต่โจร หรือตอไม้ที่ไม่มีค่า เพราะความคิดว่า มันจะเป็นบาป

ชาวพุทธที่ไม่ฉลาดมันก็จะงมงาย งมงายด้วยความกลัวบาป

เรื่องส่วนรวมที่ผู้คนควรปกปักรักษา กับเรื่องส่วนตัว ที่กลัวใจตนขุ่นมัวนี่ คนละเรื่องกัน

ของที่เรารัก คนอื่นแอบมาทำลาย ก็ไม่ต้องไปว่าอะไรมันให้ขุ่นมัวด้วยซิ

คนมันกำลังทำลายแผ่นดินเรา ลูกเราหลานเรา เราไม่ปกป้องเพราะกลัวเป็นภัย

นี่มันมองเหตุแค่ด้านเดียว พวกจัญไรก็เหิมเกริม

บ้านก็มีรั้วกั้น ประเทศยังต้องมีทหารคอยป้องกัน

โจรในหมู่สงฆ์ หากไม่ช่วยกันป้องกัน ศาสนานี้ แม้โจรก็กราบได้ เลี้ยงดูได้

หากประเทศนี้ โจรกลายเป็นตำรวจซะแล้ว ประชาชนมันจะพึ่งพาใคร

โจรมันแฝงเต็มผ้าเหลือง ไม่มีใครกล้าออกมาชี้ว่าอย่างนี้เช่นนี้คือ โจร

เพราะเป็นคนดีกลัวบาป น้องๆ กลัวบาปน่ะดีแล้ว ไปอยู่ในครัวไป

ข้าขอลุยกับตัวบาปให้เอง ข้าพร้อมบาปกับพวกโจร

พุทธศาสนา เป็นศาสนาแห่งความมีปัญญา นี่มันไร้ปัญญาเชื่อเพราะเหตุแห่งตามันเห็นว่า เป็นนักบวช

นักบวชเลวทรามมีเยอะแยะ เรามันโดนขู่กันมาตั้งแต่โบราณ คิดไม่ได้คิดไม่เป็น โดนคนโบราณที่เขากลัวบาปมันย้อมฉาบผิวไว้ให้

การกลัวบาปน่ะดี ใจมันประสริฐ แต่การกลัวบาปด้วยปัญญากับการกลัวบาปด้วยความงมงายนี่มันแตกต่างกัน

ข้าชี้ให้ฉลาด ไม่ชี้ให้น้องๆงมงาย โจรในผ้าเหลืองมันเต็มบ้านเต็มเมือง มามัวเกรงใจพวกเหี้ยๆพวกนี้ คนดีๆที่เขาบวชมาเป็นพระดีๆ
ก็จะพลอยดูเป็นเหี้ยไปกับพวกเหี้ยๆนี้ด้วย

สมัยหนึ่งผู้เป็นใหญ่ในบ้านเมืองก็เคยล่าและฆ่าพวกนักบวช เหตุเพราะมีนักบวชเหี้ยๆมันเพ่นพ่านเต็มเมือง

พวกดีๆก็เลยซวยกันไปด้วย โดนฆ่าและไร้ที่อยู่เพราะความเหี้ยและวามงมงายของผู้คน ที่กลัวต่อบาปอย่างงมงาย

มันโดนเอาสวรรค์มาล่อเอานรกมาขู่ จนผู้คนไม่กล้าทำอะไร

นี่ความงมงายด้วยความกลัวบาปแห่งชาวพุทธเรา กลัวอย่างไร้ปัญญาและแยกแยะไม่ออก ว่าอะไรคือปัญญาอะไรคือความงมงาย

ขอให้พวกเราทั้งหลาย จงมีปัญญาพอดีๆและเสมอกับศรัทธา จนก้าวาความเป็นอริยะชนเถิด

พระธรรมเทศนา จากบทธรรม เรื่อง สงสัย ด่าแม่พระจัญไรแล้วบาป ณ 21 ธันวาคม 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง