ขอขอบคุณและชมเชยทุกท่านนะค
การได้คิดและกล่าวตอบธรรม มันจะช่วยให้เรามีภาชนะ ที่กว้างขึ้น
เรื่องอวิชชานี้ เป็นเรื่องละเอียดอ่อนเกินธ
แต่ก็ไม่ใช่ที่จะเหลือวิสัย
เหตุแห่งอวิชชา ทั้งที่เริ่ม ก่อมาเป็นอวิชชา จนปรุงแต่งมาอยู่ในสมมุติแห
แต่การผัสสะนี้ เริ่มเหตุ เป็นเรื่องของวิปัสสนาญาณ เราตามเข้าไปรู้ยาก เรามาเห็นในภาวะกาลปัจจุบัน
เพราะว่า มันมีเหตุแห่งการเกิด ตามครรลองเดียวกัน ที่จริงได้อธิบายไปบ้างแล้ว
หากจะกล่าว กันในวงจรปฏิจจสมุปบาทตามที
คำว่าจิตสังขาร หมายความว่า การปรุงแต่ง ที่อาศัยเหตุจากความไม่รู้ คือ อวิชชาเป็นเหตุ เรียกว่า จิตสังขาร
คำว่าสังขารนี้ หมายถึง การปรุงแต่ง การรวมหลายๆ อย่างมาประกอบกัน นี่..เรียกว่าสังขาร
ความหมายมันคนละตัวกับ กายสังขาร ที่เราเรียกๆ กัน ว่าเป็นสังขาร
ที่ว่าสังขารไม่เที่ยงนั้น มันก็หลากความหมาย แต่เรามุ่งหมายคือกายนี้ หรือลึกไปกว่านั้นก็คือ สรรพสิ่งทั้งหลาย ที่รวมๆ กันมาเป็นโลกนี้ มันไม่เที่ยง คือมีความเสื่อมเป็นธรรมดา
นี่..ความหมายของสังขาร เราต้องชี้กาลลงไปด้วย ว่าจะพูดถึงความหมายและกาลใ
สังขารตัวนี้ ท่านให้นิยามแห่งการปรุงแต่
คำว่า “จิต” คำนี้ ขอแปลตามภาษาป่าๆ เลยก็คือ ความไม่รู้มารวมๆ กันเป็นเจตนา นี่..น่าจะตรงมากกว่า เรียกว่า การรวมกลุ่มความโง่อันหลายๆ
ที่มันโง่หลายๆ เพราะเหตุมันมาจาก อวิชชา และอวิชชานี้ เมื่อยังไม่มีจิตสังขารมาเป
ใครเป็นผู้ผัสสะ จึงเกิดอวิชชา ในเมื่อแรกเริ่ม ต้นเหตุแห่งวิญญาณและรูปยัง
การผัสสะนี้ เป็นวิปัสนาญาณ ที่อาศัยการสาวผลไปหาเหตุใน
ธรรมชาติแห่งกฏปฏิจจสมุปบาท
จิตสังขารมีอวิชชาเป็นเหตุ จึงต้องถามว่า แล้วเหตุแห่งอวิชชาคืออะไร ในเมื่อความหมายนั้น ที่เรียนรู้กันมันเป็นวัฏฏะ
อาการวนเกิด วนดับนี่ เหตุเพราะมันเกิดมาแล้ว กาลแห่ง อดีต อนาคต มันก็เลยมี ทีนี้ เราก็ออกจากกาลไม่ได้ เพราะสัญญาเรา มันไหลไปตามกาลแห่งเวลา
การหาจุดเริ่มต้น มันก็ต้องมีอยู่ในวงล้อนี่แ
เหตุแห่ง จิต คือ อวิชชา อวิชชานี้มาจากไหน มันจึงเป็นอวิชชาขึ้นมาได้ อยู่ๆ มันจะโผล่ขึ้นมาเป็นอวิชชา มันไม่มี
อวิชชาตัวนี้ มีได้เมื่อแรกเริ่ม นั้นก็คือ ผัสสะ แล้วอะไร ทำให้เกิดผัสสะ นี่ ตัวนี้ เหนือลึกขึ้นไปอีก
ตัวที่ทำให้เกิดผัสสะก็คือ ธรรมชาติแห่ง พลังงานและสสาร ที่แยกออกมาเป็นธาตุ เรียกว่า ดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นธาตุธรรมชาติของพลังงาน
และอะไรเป็นผู้โดน พลังงานและสสาร ที่เป็นธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ ผัสสะ
ผู้ที่โดนผัสสะ ก็คือ ธรรมธาตุ หรือที่เราเรียกกันว่า ธาตุรู้ ธรรมธาตุเป็นธาตุในธรรมชาติ
ธรรมธาตุ ได้ผัสสะกับพลังงานและสะสาร
ที่ไม่รู้ เพราะไม่มีอะไรมายืนยันในผั
ผัสสะมากขึ้น จึงเกิดการปรุงแต่งเป็นเจตน
เจตนานี้ เมื่อผัสสะซ้ำๆ จะเกิดอวิชชาที่หนาแน่นขึ้น
ในเวทนา ที่เกิดซ้ำๆ มันมีกาล ก่อนและหลัง เวทนา เกิดการเปรียบเทียบ เรียกว่า สัญญา
ในสัญญา มีการปรุงแต่งไขว้สัญญากัน เรียกว่า สังขาร
ในสังขาร เมื่อถึงเกิดมีกาลเวียนมาคร
วิวัฒนาการแห่งจิตสังขาร มันปรุงมาประมาณนี้
เมื่อรวบรวมมากๆ เข้า จึงเกิดการขับเคลื่อน เรียกว่า วิญญาณ
วิญญาณนี้ อาศัยการปรุงแต่งแห่งจิตสัง
อาศัยกาลในการก่อกำเนิด และวิญญาณอาศัยรูป ในการผัสสะ เพื่อใส่ เจตนา
เจตนาที่อาศัยผัสสะผ่านรูปแ
ในที่นี้ เราจะกล่าวถึงรูปที่เป็นเรา
วิญญาณได้วิวัฒนาการในการสร
ในรูปนี้ มีช่องต่อเพื่อรับรู้การผัส
หูมีหน้าที่ผัสสะเสียง ลิ้นมีหน้าที่ผัสสะรส อะไรอย่างนี้
มันทำหน้าที่เป็นคู่ๆ กัน เรียกว่า สฬายตนะ เพราะช่องต่อที่ทำหน้าที่คู
เวทนาในรูปนี่ มันเกิดขึ้นมาแล้ว หากเราย้อนกลับไปแรกเริ่ม รูปที่เป็นผลมาจาก อวิชชา ปรุงแต่งจนเป็นจิตสังขารและ
รูปนี้ เปรียบเหมือน ธรรมธาตุ ที่ปรุงแต่งออกมาเป็นรูปแล้
ในรูปนี้ มีกระบวนการแห่งจิตสังขาร ที่วิวัฒนาการ มาทำหน้าที่ตรึกตรองพิจารณา
เวทนาตัวแรก จึงเป็น อวิชชา คือ ไม่รู้ว่าอะไรมาผัสสะ
ผัสสะทางตา จะมองเห็นรูป เห็นปุ๊บ เรียกว่าผัสสะปุ๊บ ไ ม่รู้หรอกว่ารูปอะไร เสียงอะไร กลิ่นอะไร รสอะไร กายกระทบอะไร หรือใจเกิดอะไร
ตัวนี้ เมื่อผัสสะ อวิชชาเกิดก่อน คือไม่รู้อะไร
เมื่ออวิชชาเกิด กระบวนการปรุงแต่งก็ทำงาน คือ เวทนา รู้ว่าผัสสะทางช่องไหน สัญญา ที่มีก็เรียบเรียง
การเฟ้นในสัญญาเกิดการปรุงแ
เมื่อมีแบบในสัญญายืนยัน ตัวยืนยันนี้ เรียกว่า วิญญาณ
วิญญาณก็ขับเคลื่อน ไปประกาศแจ้งต่อจิต ว่าที่ผัสสะนี้ คืออะไร เรียกว่า วิญญาณรู้
ตัวรู้ในผัสสะนี้ เรียกว่า เวทนา
เวทนาตัวนี้ เป็นเวทนาที่เราเห็นแล้วรู้
นี่..เรียงร้อยกันตามภาษาบ้
เราจึงพอหาเหตุแห่งอวิชชา และยืนยันได้ว่า ที่จริงแล้ว ความไม่รู้คืออวิชชานี้ มีผัสสะเป็นเหตุ
และกระบวนการปรุงแต่งในอากา
เจตสิกก็คือ เจตนาแห่งจิต ที่เกิดการปรุงแต่งในนิยามแ
เมื่อปรุงแต่งแล้ว รู้ว่าอะไรเป็นอะไร สิ่งที่รู้เป็นวิญญาณ เรียกว่า เวทนา
เที่ยงนี้โม้มา หลายๆ แล้ว โอเคนะ ขอความสุขสวัสดีและเจริญในธ
ขอสวัสดีจ้า..
พระธรรมเทศนา จากบทธรรม เรื่อง ถามตอบ…เรื่องเหตุแห่งอวิ