แบบไหนอยู่กับพุทโธ

แบบไหนอยู่กับพุทโธ

351
0
แบ่งปัน

***** “แบบไหนอยู่กับพุทโธ” *****

ถาม…หนูท่องพุทโธตลอดเวลา ตามพระอาจารย์ท่านชี้มา แม้แต่ในที่ทำงาน ขับรถ รู้สึกสงบและเป็นสุขเจ้าค่ะ

เช่นนี้เราจะเข้าถึงนิพพานได้ไหมเจ้าค่ะ

พระอาจารย์…หนูคงเข้าใจอะไรผิดไปมากโขนะจ้า

พุทโธนี่เป็นคำบริกรรม เป็นคำที่ตั้งขึ้นมาเพื่อยึดเหนี่ยวจิตไม่ให้ฟุ้งซ่านน่ะจ้า

ถาม…อย่างนี้ หนูทำผิดหรือเจ้าคะ หนูตั้งใจจะไปนิพพาน

พระอาจารย์…ผิดน่ะ ไม่ผิดหรอก ในการปฏิบัติกาลหนึ่ง ช่วงหนึ่ง เหตุปัจจัยหนึ่ง

แต่ที่หนูคิดและทำนั้น ไม่ถูกล่ะ

ถาม…แล้วจะให้หนูทำอย่างไร ในเมื่อพระอาจารย์ต่างๆ ท่านก็ชี้สอนมาอย่างนี้

พระอาจารย์ต้องชี้มาให้กระจ่างด้วยนะค๊ะ หนูมองไม่เห็นความผิดของการท่องพุทโธเจ้าค่ะ

พระอาจารย์….หนูผิดตั้งแต่หนูเอาไปท่องที่ทำงาน ขับรถ หรือทำกิจกรรมอะไรตามที่หนูว่ามานั่นแหละ

ความหมายไม่ใช่เป็นอย่างนั้น

คำว่าให้อยู่กับพุทโธนี่ เป็นการชี้ให้ทำอะไรก็ให้มีสติสัมปชัญญะน่ะ

หนูทำงานก็ทำงานไป ให้อยู่กับงาน

จะประชุม เขียนงาน ทอดไข่ ซักผ้า ขับรถ รดน้ำต้นไม้ กินข้าว ให้มีสติน่ะ ไม่ใช่ให้ท่องพุทโธอย่างนั้น

ถาม…แต่หลวงตา หลวงปู่ หลวงพ่อท่านก็สอนก็ชี้มาอย่างนี้นะเจ้าค่ะ

พระอาจารย์… พระท่านให้ใช้ตอนเราปฏิบัตน่ะ ใช้พุทโธบริกรรมเป็นเครื่องยึดใจ

ส่วนที่ท่านบอกให้อยู่กับพุทโธนั้น พระท่านก็ว่าตามๆกันมาโดยไม่ได้วินิจฉัยกาลก็ได้

ถ้าเราเป็นสงฆ์ มันมีหลายวิธีที่จะทำให้จิตดวงนี้ เป็นสมาธิ

ส่วนฆราวาสอย่างหนูนั้น งานการในสังคมมากมาย ทำอะไรก็ให้ใช้สติพิจารณาตรึกตรอง

ไม่ใช่มาอยู่กับคำบริกรรมพุทโธอย่างนั้น ขับรถมัวท่องพุทโธอยู่ เดี๋ยวก็ได้แหกโค้งตาย

หนูฟังเจ้านานสั่งงานก็ฟังอย่างมีสติ ไม่ใช่ท่องพุทโธด้วย ฟังเจ้านายสั่งงานหรือพูดด้วยอะไรอย่างนั่น

นั่นมันไม่ถูกกาลซะแล้ว

พุทโธน่ะมันเป็นคำบริกรรม เป็นคำที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้ใจเราได้มีที่ยึดเกาะ จะได้ไม่สาดส่ายฟุ้งซ่านไป

ในการปฏิบัตินั้น เมื่อถึงจุดหนึ่งคำบริกรรมมันก็หายไป

มันก็ปรุงไปตามเรื่องตามราวของมันอีก หากมีสติ ท่านจึงให้ดึงกลับมาอยู่กับคำบริกรรม คือพุทโธอีก

การปฏิบัตินัยยะเช่นนี้ ท่านจึงให้อยู่กับพุทโธ เอาพุทโธมาเป็นที่ตั้งแห่งใจ

ไม่ใช่ทำอะไรๆก็ให้อยู่กับพุทโธ ตามความหมายที่พระท่านว่าอย่างนั้น

ไอ้พวกพระบางคนก็เน๊อะ…!! จำๆเขามาพูดสั่งสอนพวกโยม ว่าทำอะไรให้อยู่กับพุทโธ

แต่ไม่ยอมบอกว่า อยู่กับพุทโธอยู่อย่างไร ขาดการวินิจฉัย มั่วๆตามเขาไป

พุทโธนี่ คือการตื่นขึ้นมาสติในสิ่งที่ทำ จะทำอะไรก็ได้ ขอให้มันมีสติ

จะเอื้อมจะหยิบ จะเหลียวจะคู้จะเหยียด จะพูดจะคิดจะทำ ขอให้มีสติมีสัมปชัญญะ

ตามดูตามรู้มันจนเกิดความเคยชิน

ความเคยชินนี้จะทำให้เราเห็นเวทนาต่างๆที่อาศัยกายนี้เกิด

การเห็นเวทนาคือความรู้สึกต่างๆ ทางตา หู ลิ้น จมูก กาย ใจ

มันจะทำให้เรารู้เท่าทันอาการแห่งจิตที่มันปรุงขึ้นมา

เราก็จะไม่ตกใหลไปตามกระแส มันยับยั้งช่างใจได้ก่อนด้วยความสำรวม ก่อนที่จะสื่อและแสดงกระทำออกมา

นี่..เหตุต่างๆมันจึงจะไม่เกิดสืบเนื่องให้เจ้าของต้องทุกข์ใจ

จิตมันปรุงแต่งแล้วอาศัยกายเกิดเวทนา ท่านจึงให้ไปเริ่มต้นตามรู้ตามดูกาย

นี่..เช่นนี้ท่านจึงเรียกว่าอยู่กับพุทโธ ไม่ใช่ท่องพุทโธ

ด่าผัวไปท่องพุทโธไปมันก็ไม่ใช่ ใช่ใหมล่ะ

ก็ขอให้เข้าใจให้ถูก พุทธนั้นมันเป็นเรื่องของปัญญา ไม่ใช่เชื่ออย่างงมงาย เพราะเหตุแห่งหลวงปู่หลวงพ่อสอนมา

ท่านสอน เราก็ต้องนำเอามาวินิจฉัย นี่..ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นชาวพุทธ เป็นผู้มีปัญญา

ก็ขอให้ลองนำไปคิดดู..

พระธรรมเทศนา โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง วันที่ 11 สิงหาคม 2560