วันนี้เรื่องโลกิยะและโลกุตระ คงให้แนวทางไว้ประมาณนี้
โลกุตรธรรมเบื้องต้นที่ใจ ไม่ตกเป็นทาสทางโลกก็คือ
- ข้อแรก…..เป็นผู้เห็นเหตุที่แสดงผล ทำให้ลดความงมงายในผลนั้นเน
ื่องมาจากเหตุ - ข้อสอง…..ไม่สงสัยในเหตุที่ส่งผลอย่า
งนี้ และยังรู้ลึกว่าเหตุที่สาวล งไปเห็น ก็คือผลของเหตุที่ลึกลงไป แต่ปัญญายังคมไม่พอ ที่จะสาวลึกลงไปเห็นเหตุนั้ นๆ - ข้อสาม…..รู้ธรรมชาติแห่งโลกคือกายนี
้ ว่าเกิดธรรมดา และดับธรรมดา ไม่ได้น่าพิศมัยหรือห่วงหาอ ะไรเลย ถ้ามันต้องสลาย
นี่คือใจที่ไหลลงสู่กระแสธาร
สังโยชน์คือเครี่องร้อยรัดใ
แต่ใจที่เข้าถึงโลกุตรธรรม เครื่องเหนี่ยวใจร้อยรัดสาม
ใจมันไม่ไหลไปกับความงมงาย ในบางส่วนอย่างเช่น เรื่องนับถือผี เทวดา หรือยึดกับสิ่งที่ไม่รู้ ข้อวัตรปฏิบัติที่ไร้สาระ ความเชื่อที่ไร้เหตุผล. ไม่สงสัยในผลที่แสดงเพราะใจ
การเกิดดับมันเป็นเรื่องธรร
มดา ใจมันยอมรับได้ เป็นใจไม่ขัดขืนกฏธรรมชาติท ี่มันมีที่มันเป็น. นี่คือใจที่ไหลไปในกระแสแห่ งโลกุตรธรรม
เป็นใจที่กลับมาก่อรูปขึ้นใ
บาลีเรียกว่า พระโสดาบัน เป็นมนุษย์ผู้มีความประเสริ
เป็นมนุษย์ขั้นศีล ที่ไม่มีความตกต่ำจากการเป็
เรียกว่าผู้เป็น มนุษย์ธรรม. กลับมาก่อรูปเป็นมนุษย์ เพื่อแก้ข้อสงสัย ที่ละเอียดลึกลงไป 7 ชาติมั่ง 3 ชาติมั่ง หรือชาติเดียวมั่ง ตามแต่ภูมิปัญญาความละเอียด
มนุษย์พวกนี้ เรียกว่า “พระสงฆ์” เป็นบุรุษ คู่แปด
เป็นผู้ที่ควรค่าแก่การ นอบน้อม
เป็นผู้ที่มีค่าแก่การกราบไ
เป็นผู้ที่ควรค่าแก่การคบหา
เป็นพระแท้ที่ไม่ต้องมาถือศ
เป็นพระที่แท้ ที่ไม่ได้บวชเพื่อหลอกลวงชา
แล้วเข้าใจว่า เป็นผู้สูงส่ง ใครแตะไม่ได้.
พระแท้….อยู่ที่ใจที่มันเ
พวกแก มีใครเป็นพระแท้ๆมั่ง พระแท้ๆอย่างพวกแก ต้องทำบุญ และกราบพระปลอมๆอย่างข้า หุหุหุ ข้าขอสาธุคุณ กับชาวบ้านที่เป็นพระแท้ๆทั