ธรรมบทนี้ เป็นเรื่องถามตอบในระหว่างก
เข้าใจอะไรแล้วหรือที่ถามมา
- โลกียะขั้นศีล ขั้นสมาธิ ขั้นปัญญาก็มี แต่อยู่ในฟากของการยึดสมมุต
ิศีล ยึดสมาธิ ยึดปัญญา. - โลกุตระขั้นศีล ขั้นสมาธิ ขั้นปัญญาก็มี เป็นฟากที่รู้จักสมมุติศีล สมมุติสมาธิ สมมุติปัญญา.
โลกียะรู้…แต่ดูไม่เห็น เห็น…แต่ดูไม่เป็น เป็น….แต่ดูไม่รู้.
โลกุตระรู้….แล้วเห็นชัด เห็นชัด…ว่าอะไรเป็นอะไร รู้ชัดกับใจว่า…มันเป็นขอ
ทีนี้คำว่าศีลแต่ละฝ่าย มันก็แยกย่อยลงไปอีก ถ้าคุยในฟากพวกเรา ก็คือศีลโลกียะศีล.
ศีลฟากนี้เป็นศีลที่เป็นการ
เป็นการทำขึ้นมาอย่างโลกเขา
เคยได้ยินพระท่านหนึ่ง กล่าวว่าโยม ท่านว่า ศีลซักข้อมันยังท่องไม่ถูก แล้วมันจะมีศีลได้ยังไง.
ข้าก็เลยถามท่านไปว่า ท่านท่องปาฏิโมกข์ศีลได้ไม๊
พระท่านนั้นตอบว่า ไม่ได้ขอรับ.
แม่งงง….อย่างงี้มึงจะเป็
ปรากฏว่า ท่านหน้าเสีย จึงเทศน์ให้ท่านฟัง..
ศีล…ไม่ใช่อยู่ที่ท่องได้
หรือไม่ได้ จำได้หรือไม่ได้ ไม่ใช่ท่องปาวๆๆ แต่ใจเป็นเหี้ย…มันก็คือเ หี้ยท่องจำนั่นแหละ.
มีเหล่าโยมๆนิมนต์ไปเทศน์ พอจะถวายของข้าเอื้อมมือไปร
เขาบอกว่า หลวงพ่อไม่อาราธนาศีลให้พวก
ข้านี้ต้องชักมือกลับมาเกาแ
ภาษาบาลีข้าก็พูดไม่เป็น จำที่เขาบอกให้ท่องๆมา
นึกในใจ ไอ้ห่า…คนไทยนี้มันเรื่อง
ข้าท่องบาลีไปหน่อยแล้วหยุด
เวรมณี สิกขาประทังสมาธิญามิ.
ข้าก็ท่องตามเขา.
พอขึ้นข้อต่อไปข้าเงียบอีก.
แล้วร้องบอกบาลีขึ้นมา ข้าก็ท่องตาม
ข้อต่อไปข้าก็เงียบอีก.. พวกเขาก็ประสานเสียงบอกข้าอ
เป็นอย่างนี้จนจบข้อศีล สร้อยคำบาลีตอนท้าย พวกเขาก็ต่อให้ข้าเสร็จ เป็นอันว่าทุกคนในที่นั้น เป็นคนบริสุทธิ์ และเป็นคนมีศีลแล้ว.
มีคนถามว่า หลวงพ่อท่องข้อศีลไม่ได้เหร
อ้าว…..แล้วทำไมทำท่านึกไ
ข้าหันมาทางไอ้หนูคนหนึ่ง เอ็งท่องได้ไม๊ไอ้หนู. เจ้าหนูพยักหน้า แล้วท่องออกมาจนจบ. ภาษาไทยแปลว่าอะไรรู้ไม๊ลูก
แล้วในที่นี้ มีใครไม่รู้ข้อศีลมั่ง… ทุกคนนิ่งเงียบ.
แสดงว่ารู้…!!!
เมื่อรู้กันดีอยู่แล้ว พวกแกมาให้ข้าสอน และท่องตามข้าอีกทำไม
พวกแกบ้ากันรึเปล่า
สมัยโบราณ ท่านชี้ศีลแค่ครั้งสองครั้ง
นี่พวกแกเป็นคนไม่บริสุทธิก
ทุกคนงงๆๆ ข้าถามว่า ไงอีหนู….ศีลแกขาดเหรอ.
เปล่าเจ้าคะ… ไม่ขาดแล้วจะมาต่ออีกทำไม.
อีสาวมองหน้าข้าทำหน้าแมวสง
พวกแกมีน้ำอยู่เต็มแก้ว ดื่มน้ำในแก้วให้ชื่นใจเย็น
ศีลหลอกๆอย่างนี้ กุลบุตรแห่งพระชิโนรสเจ้า ท่านไม่ได้สอน ท่านสอนให้เห็นจริงและมีปัญ