มารู้จัก โลกิยะ และ โลกุตระ ท่อน 2

มารู้จัก โลกิยะ และ โลกุตระ ท่อน 2

733
0
แบ่งปัน

555572ส่วนโลกุตรธรรม เป็นใจที่เห็นกลไก แห่งความเป็นธรรมดา ของสรรพสิ่งว่ามันมีกระบวนการอย่างไร ใจจึงไม่ไปยึดมั่นในอุปาทานทั้งหลาย 
ท่านเรียกว่า อยู่อย่างเหนือโลก เป็นผู้รู้ทั้งสองฟาก รู้ทั้ง 360 องศา
ส่วนโลกิยะ รู้แค่องศาเดียว การรู้มันแตกต่างกันขนาดนั้น…

ใจที่เรียกว่าเข้าสู่โลกุตรธรรม เป็นใจที่ไม่หวนคืนกลับมาสู่โลก
เหมือนเราจับของร้อน จับปุ๊บปล่อยปับ ไม่มีใครไปเป็นเจ้าของปล่อย ไม่มีใครคิดว่าฉันจะปล่อยแล้วนะ โดนปุ๊บปล่อยปั๊บ.

ท่านมหามือไปจับท่อไอเสีย เพราะคิดว่าไม่ร้อน จับปุ๊บท่านมหาปล่อยปั๊บ ไม่มีการพิจารณาอีกต่อไป ว่าจะปล่อยหรือไม่ปล่อย ร้อนหรือไม่ร้อน นี่เป็นธรรมชาติรู้ที่ไม่ต้องสอน มันสั่งสอนตัวมันเอง

แต่มันดันมีตัวเข้าไปเสือกในอาการเหล่านี้ ตัวเสือกนี้ เป็นตัวโปรแกรมตรวจสอบ ให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ตัวนี้เราเรียกว่า วิญญาน.
วิญญานเป็นตัวรับรู้สมมุติทั้งหมด
รู้จากทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายสัมผัส และรู้อารมณ์ใจ.

ผู้ที่ใจได้เรียนรู้ และรับรู้กลไกแห่งกระบวนการเหล่านี้
ใจจะวางของมันเองไปตามลำดับ ใจจะไม่หวนกลับไปยึดเหนี่ยว กับสิ่งสมมุติอีกต่อไป มันรู้อย่างประจักษ์ใจ ว่าไม่มีอะไรจริง ทุกอย่างว่างเปล่าจากความหมายใดๆ
มีแต่ใจนี้ ที่สร้างเหตุขึ้นมา.

นี่…..ใจมันจะเป็นผู้วาง ใจจะไม่หวนคืนกลับไปยึดมั่นถือมั่น ในการผัสสะของวิญญานอีกต่อไป. แต่ทุกๆอย่างตัวเสือกก็ยังรับรู้อยู่เช่นเดิม และมันก็ยังเสือกอยู่ มันก็ไปเป็นเจ้าของการปล่อยวาง เจ้าของความดี เจ้าของผู้รู้กลไกแห่งกระบวนการต่างๆ มันยังมีความเป็นเจ้าของในทุกๆตัว ที่วิญญานได้ผัสสะ.

แต่มันทำอะไรใจ หรือโน้มน้าวใจ ให้ไหลไปตามกระแสของโปรแกรมจิตไม่ได้เลย. เพราะใจมันพ้นโลกไปแล้ว มันเป็นใจที่ยิ่งใหญ่ เป็นเสมือนน้ำในเขื่อนใหญ่ เราจะใส่กาแฟสีดำๆกลิ่นหอมๆลงไปซักแก้ว น้ำย่อมไม่เปลี่ยนเป็นสีกาแฟไปได้ แม้แต่กลิ่นก็ไม่มี.

แต่กาแฟก็ไม่ได้หายไปไหน ทั้งกาแฟและกลิ่น มันก็อยู่ในน้ำนั่นแหละ แต่มันไปเปลี่ยนแปลงน้ำในเขื่อนไม่ได้ น้ำในเขื่อนเสมือนใจที่โดนกาแฟ
กาแฟก็คือ กระแสที่มาผัสสะ ผัสสะยังไงน้ำในเขื่อนก็ไม่เปลี่ยน ..

น้ำมันไม่เปลี่ยนเป็นสีกาแฟ มีแต่กาแฟที่เปลี่ยนมาเป็นสีน้ำ กาแฟร่วมอยู่กับน้ำใส โดยไม่มีใครไปเห็นกาแฟและกลิ่น.

ใจที่เข้าถึงโลกุตรธรรมมันเป็นเช่นนี้ ใจมันอยู่เหนือภาวะ ที่จะทำให้ไหลไปตามกระแสในโลก รูป รส กลิ่น เสียง ผัสสะ ทำอะไรให้ใจที่เข้าถึงนี้ไม่ได้ เป็นใจที่พ้นแล้ว จากการควบคุมของกระแส

เป็นใจที่ไม่ตกอยู่ภายใต้ สัญชาติญานแห่งความหลง
มันเป็นใจที่อยู่ในโลกอย่างเหนือโลก สมมุติโลก หลอกอะไรใจไม่ได้

การเรียนรู้เหมือนน้ำที่สะสม แรกๆน้ำยังน้อยแม้รู้มาก แต่เมื่อโดนกาแฟ มันก็ยังเห็นสีและกลิ่น มันต้องฝึกย้อนไหลทวนโดยการพิจารณาเยอะๆ พิจารณากระแสของโลกที่มากระทบเยอะๆ น้ำก็จะมากขึ้นตามลำดับ มันมากขึ้นจนกระแสโลกเบาบางจางคลายลงไป ใจก็จะอยู่กับโลกแบบเหนือโลก โดยไม่ยึดติดเลย…นี่เป็นโลกุตรธรรม..

เหลืออีกท่อน เป็นท่อนที่ 3 เป็นท่อนของกำลังใจเข้าสู่ โสดาบัน
ธรรมแห่งมุตโตทัยอันออกจากใจ..