อย่าตัดสินด้วยมุมมองเดียวแห่งตน

อย่าตัดสินด้วยมุมมองเดียวแห่งตน

356
0
แบ่งปัน

****** “อย่าตัดสินด้วยมุมมองเดียวแห่งตน” ******

บางคน..คิดว่าอะไรที่ถูกใจ สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

บางคน..คิดว่าอะไรที่ตนไม่ถูกใจ สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

บางคน..เข้าใจว่า โลกมันเป็นของมันเช่นนี้ อยู่ด้วยความเข้าใจมัน เราก็จะไม่ทุกข์

บางคน..เข้าใจว่า โลกมันช่างโหดร้าย คับแคบต่อใจเรา เรา..อยู่ด้วยความอึดอัดและทุรนทุรายเดือดร้อน

หลากหลายความคิด ที่มีต่อกระแสใจเรา ที่มองออกไปยังโลกที่เราไม่เคยเข้าใจ

เรามักจะเข้าใจด้วยความทรงจำแห่งสัญญาเรา ว่าโลกเรานั้น เป็นอย่างนี้ๆๆๆๆ

ผิดไปจากอย่างนี้ๆๆๆๆ มันก็เป็นความผิดไปจากความเป็นจริงที่เป็นความคิดเรา

เราถูกใจต่อสิ่งใด เราหาความผิดใดๆแทบไม่เจอในสิ่งนั้นๆ

เราไม่ถูกใจต่อสิ่งใดๆ เราจะเห็นแต่แผลใหญ่ๆที่เต็มไปด้วยความผิด

มนุษย์เราโชคร้าย ที่เกิดมามีปัญญามากไป

โชคร้ายตรงที่ไม่สามารถนำเอาปัญญาที่มีมากไป มาก่อประโยชน์ให้แก่ใจดวงนี้ได้อย่างเพียงพอ

เราโง่ในปัญญาที่มี

ปัญญาที่มี มันจึงเป็นปัญญาที่เป็นที่เก็บกองขยะไปซะนี่

ระบายขยะแห่งอัตตาออกไปซะบ้าง

เหลือที่ว่างให้ความเป็นจริงที่พอจะมองเห็นเข้าไปเป็นสเปรย์กวาดล้างกลิ่นร้ายแห่งขยะให้ทุเลาเบาบางลง

ความเป็นจริงนี้คือ การยอมรับว่า มึงมันยังโง่นัก ที่คิดว่ามึงมันนี่แสนฉลาด

ชี้หอกความจริงแทงลงไปกลางใจดวงนี้

ยอมรับกับความจริงซะที ว่าใจดวงนี้ยังโง่งี่เง่าเหลือเกิน

ดวงอาทิตย์มันอยู่เฉยๆ มันไม่ได้หมุนรอบโลกหรอก

แต่เราก็ยังเชื่อว่า พระอาทิตย์มันขึ้นมันตกเป็นธรรมดาของมัน

พริกน่ะไม่มีเม็ดไหนเผ็ดหรอก หากไม่ได้ลิ้มรสมันกับลิ้นเรา

แต่เราก็มีความเชื่อว่าพริกเผ็ดทั้งๆที่ไม่ได้ลิ้ม

ก้อนหินหนักสามตัน เราก็ต้องเชื่อด้วยซิ ว่าเราเขวี้ยงเล่นได้สบายๆ

หากไม่มีใครเชื่อ เราก็พึงหยิบก้อนเล็กๆหนักสองขีด เขวี้ยงให้มันดูก่อน

หินขนาดสองขีดเขวี้ยงออกไปได้ หินขนาดสามตัน มันก็เขวี้ยงออกไปได้เช่นกัน

ทีเราชิมองุ่นกองโตหนักสามตันด้วยการหยิบมาชิมหนึ่งลูก

พอลิ้มรสว่าหวานซักลูก เรายังเชื่อว่าองุ่นกองโตนี้เป็นองุ่นหวานเลยนี่หว่า

โลกเรานี้ มันยังมีอะไรที่เราปักใจว่าใช่ มันอาจไม่ใช่อย่างที่เราปักใจ

บางอย่างเชื่อว่ามันไม่ใช่หรอก แต่มันคือความจริงที่ใช่อย่างที่เรานึกไม่ถึง

หนุ่มคนหนึ่งสงสารยายแก่ๆขายขนม จึงยื่นเงินให้ยี่สิบบาทมอบให้แกโดยไม่เอาขนม

ยายแกซึ้งใจ บอกเอาขนมไปกินไปทานเหอะพ่อหนุ่ม แล้วจึงหยิบขนมให้ไปสองชิ้น

เจ้าหนุ่มยอมรับขนมมาและกินอย่างเสียไม่ได้ เพื่อให้ยายแกสบายใจ

จากนั้นมา ทุกวันเจ้าหนุ่มก็มักจะให้เงินยายครั้งละยี่สิบบาทอยู่เสมอ และแค่แกล้งหยิบขนมมาสองสามชิ้น

เพื่อเป็นการเอาใจ ยายแกจะได้ไม่ต้องเกรงใจในทานที่มอบให้นั้น

ยายแกก็มองเจ้าหนุ่มทุกครั้ง ที่ให้เงินมาและแค่หยิบขนมสองสามชิ้นนั้นออกไป

เจ้าหนุ่มก็ภูมิใจ ที่ได้แบ่งเงินให้ยายแกได้ใช้จ่าย

ยายก็สบายใจ ที่เห็นเจ้าหนุ่มได้กินหนมที่แกมี

บางวันเจ้าหนุ่มมีเศษสิบบาท ก็ให้ยายไป ขนมก็สองสามชิ้นเท่าเดิม

บางวันให้ยายไปยี่สิบ ขนมก็สองสามชิ้นเท่าเดิม

บางวันยายแกหยิบแบงค์ยี่สิบขึ้นมามอง และมองตาเจ้าหนุ่ม

เจ้าหนุ่มก็บอกว่า คุณยายเก็บไว้ๆๆๆๆ ไม่ต้องเกรงใจ

ครึ่งปีผ่านไป เจ้าหนุ่มพาเพื่อนมาและให้เพื่อนร่วมกันอุดหนุนขนมยาย

ให้ยายไปคนละนี่สิบเอาขนมยายมาแค่คนละสองสามชิ้นก็พอ ช่วยๆอุดหนุนยายแกไป

ทุกคนใจดี เอาแบงค์ยี่สิบให้ยาย และหยิบขนมสองสามชิ้นไป

เจ้าหนุ่มแสนดีใจหยิบเป็นคนสุดท้าย ยายแกหยิบแบ้งค์ยี่สิบขึ้นมาแล้วก็เอื้อมมือมาจับมือเจ้าหนุ่ม

มองหน้าและทำท่าเอ่ยน้ำตาคลอๆ แต่เจ้าหนุ่มชิงเอามือมากุมมือยายที่จับมือตนว่า

คุณยาย..ไม่ต้องขอบใจหรอกครับ พวกผมมาช่วยอุดหนุนคุณยาย ไม่ต้องขอบใจ และทอนตังค์อะไรให้พวกผม

ยายฟังแล้วน้ำตาใหลบอกว่า

” หนมกูชิ้นละ 50 บาท มึงแดกทีละสองสามชิ้น มาหกเจ็ดเดือน แล้วให้กูทีละ 20 บาท

กูเองก็สงสารมึง ให้มึงได้มีหนมกิน แล้วนี่มึงยังพาเพื่อนมาแดกหนมกูอีกเป็นโขยง เสือกจ่ายคนละยี่สิบอีก

นี่..มึงจะไม่ยอมให้กูมีชีวิตขายหนมยังชีพต่อไปอีกใช่ไหม…!!

ถ้าเราเป็นเจ้าหนุ่ม เราจะทำอย่างไร ในเมื่อเราเองก็หวังดีที่จะช่วยยาย

แต่กลับกลายเป็นว่า ยายต่างหาก ที่ช่วยด้วยความเอ็นดูเรา

โลกนั้นมันมีหลากหลายมุม

เรา..อย่าได้มองจากมุมที่ออกไปจากใจแคบๆแค่มุมมองเดียวที่เราอุดอยู่ในรูนั้นอีกเลย

ออกมาจากรู แล้วเราจะเห็นมุมที่กว้างและหลากหลายความจริง

เรา..จะอยู่กับสรรพสิ่งแห่งความเป็นจริง ที่ไม่ใช่จริง แค่ความคิดเรา..!!

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 7 ธันวาคม 2559 โดยพระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง