****** “ปลดปล่อยเหล่าดวงวิญญานที่เขมร” ******
เมื่อกี้นั่งอ่านข้อความข้าได้เล่าเรื่องผีชิน คือผีที่อยู่ตามป่า ทางใต้เรียกว่าเจ้าแห่งผี
ชินนี่ มาจากชนะ ที่เรียกว่าเจ้าแห่งผีนี่ ก็คงเข้าใจกันผิดๆตามรากศัพท์ที่เรียกกัน
เพราะความที่เป็นลูกไฟดวงๆลอยสว่างจากที่หนึ่งไปสู่ที่หนึ่ง บางแห่งเรียกว่าพระธาตุเสด็จ
ลูกดวงไฟเหล่านี้ ทางพม่าจะมีเยอะ มักลอยออกมาจากเจดีย์ที่มีแร่ผลึกแห่งอัญมณี
อันเกิดจากศรัทธาของผู้คนที่ได้นำมาใส่เอาไว้ เป็นพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสงฆรัตนะ
โบราณเรียกสืบทอดต่อๆกันมาว่าชิน คงเข้าใจว่านี่คือวิญญานของพระผู้มีพระภาคเจ้า
หรือดวงวิญญานของผู้ปกป้องพระธาตุของพระผู้มีพระภาคเจ้า หรือเป็นเจ้าแห่งวิญญานผู้เฝ้าปกป้องทรัพย์
ทีนี่เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ข้าได้ไปเขมร ไปวันแรก ได้เข้าไปโมทนาบุญให้แก่ เจ้าเจ๊ะเจ้าจอม
อันเป็นศาลศักดิ์สิทธิ์ของชาวเขมรเขาที่เมืองเสียมเรียบ
น้องๆเราก็ได้เข้าไปกราบไหว้กัน ข้าก็แค่เข้าไปยืนและแผ่เมตตาจิตส่งไปแล้วเดินกลับออกมา
เมื่อกลับไปยังที่พักที่โรงแรม ปรากฏว่า เจ้าเจ๊ะเจ้าจอมสองพี่น้อง ได้ตามไปผ่านร่างคนของเรา และน้อมสักการะ
กระแสที่วิญญานส่งออกมานั้น เศร้าและโหยหาสะเทือนใจแก่ผู้อยู่รอบๆข้างๆ จนหลายคนนั่งน้ำตาใหล
เขาขอให้ข้าได้โปรดไปช่วยปลดปล่อยเขา เขาอยู่อย่างทุกข์ทรมานมานานเป็นพันปีแล้ว
พวกเขาโดนตรึงด้วยพันธนาการแห่งจักรามนต์แห่งพราหมณ์ อันเป็นศาสนะพิธีแห่งโบราณที่จำหลักวิญญานไว้ ไม่ให้ออกไปไหน
ศาลเจ้าเจ๊ะเจ้าจอมที่ผู้คนต่างกราบไว้ และมีพระพุทธรูปนั้น เป็นพรหมท่านรักษา
ส่วนเจ้าเจ๊ะเจ้าจอมนี่ เป็นแค่นามที่ชาวเมืองเขาตั้งให้เป็นอนุสรณ์
เธอทั้งสองโดนตรึงด้วยมนตรายานหาทางออกไปสู่สุคติไม่เจอ ขอให้ข้าช่วยฉุดดึงปลดปล่อยวิญญานที่โดนรัดตรึงให้เป็นอิสระด้วย
ข้ารับปากและบอกว่าวันรุ่งขึ้นจะไปทำให้แต่เช้า ซึ่งในความเป็นจริง ข้าก็ไม่รู้จะทำยังไง และช่วยยังไง
เวทย์มนต์อะไรใดๆข้าก็ไม่มี แต่เขามาขอร้องให้ช่วย ก็รับปากพยักหน้าไป ให้วิญญานเขาสบายๆใจก่อน
กระแสบรรยากาศที่ส่งออกมา จนใครๆที่นั่งร่วมอยู่ตรงนั้นสัมผัสได้ ทำให้ข้าต้องกลับมาทบทวนเหตุ
ทำไมเจ้าเจ๊ะเจ้าจอม อันเป็นศาลที่คนทั้งเมือง ทั้งประเทศเขมรให้ความเคารพ และนับถือมากขนาดนั้น ทำไมดวงวิญญานท่านจึงได้ทุกข์ทรมาน
เจ้าเจ๊ะเจ้าจอมนี่ เป็นลูกอันเกิดจากสนมในวังยุคขอมโบราณ
เธอมีนิสัยน้อมมาทางพุทธศาสนา แต่สมัยนั้น การนับถือเทพของพราหมณ์มีความรุนแรงแห่งศรัทธาสูงและเต็มไปด้วยมนต์ตรายาน
ด้วยความเป็นลูกของกษัตริย์มีอำนาจที่จะชักจูงราชนุกูลและไพร่ฟ้าประชาชนทั่วไป ให้คล้อยตามและเลื่อมใสได้
พราหมณ์ฝ่ายสูงในพระราชวังเห็นว่า ภายภาคหน้าจะเป็นภัยใหญ่ให้แก่ศาสนาและลัทธิบูชาตน
เมื่อถึงคราวที่เจ้าเจ๊ะเจ้าจอมเสด็จไปประพาสป่า เพื่อชำระจิตใจและทำสมาธิ
พราหมณ์แห่งมนต์ตรายานได้ร่วมกันทำพิธีบังไพร ไม่ให้นางทั้งสองและข้าทาสบริวาร หาหนทางออกจากป่ากลับสู่เมืองได้
วิชาพวกนี้ มีมานาน มันอยู่ที่กำลังของแต่ละฝ่าย ว่าฝ่ายไหนจะมีกำลังฌานอันแกร่งกล้ากว่ากัน
ทางนางเองก็มีพราหมณ์ที่มีกำลังแกร่งกล้า แต่พราหมณ์นั้น ก็ไม่สามารถช่วยนางได้ ด้วยเหตุผลทางลัทธิทางศาสนาที่เป็นคำสั่งมาจากเบื้องบน
พวกนางโดนกักขังด้วยมนต์ตรายาน หายสาปสูญไปจากผืนแผ่นดิน หายสาปสูญไปทั้งกลุ่ม เกณฑ์กองพลหาเท่าใหร่ก็ไม่เจอ
เหตุนี้อยู่ในราวยุคของพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ขอมกำลังเรืองอำนาจและมีพุทธมหายานทางอินเดียเข้ามาแทรก
เจ้าเจ๊ะเจ้าจอม เป็นเพียงผู้หนึ่งในเหยื่อของลัทธิที่เกิดการต่อต้านกันในกลุ่มผู้มีอำนาจทางศาสนา
ยังมีเหยื่อมากมายที่โดนมนต์ตรากักขังและหาทางออกไม่เจอ
วิญญานเหล่านี้ ได้มาแสดงตนร้องขอให้ข้าช่วยปลดปล่อยให้พวกเธอด้วยอีกมากมาย
มันมีปัญหาอยู่อย่างนึง ที่พวกเธอไม่รู้ก็คือ ข้านี่ ทำอะไรไม่เป็นและไม่มีความรู้อะไรในเรื่องเวทย์มนต์ที่จะออกไปแก้ให้ใคร
แต่ที่โรงแรมนั้น มีพลังงานผู้ใหญ่ที่อิสระ บอกว่าเพียงแค่ข้าได้เข้าไปตามคำร้องขอให้ช่วย
สิ่งต่างๆก็จะเดินและดำเนินไปตามเหตุปัจจัยแห่งกระแสวิบากเอง เมื่อข้าไปแล้วจะเข้าใจ และปล่อยให้มันดำเนินไปแห่งญานวิถี
คืนนั้น ปรากฏว่า มีผีเข้าพวกเรากันตุ๊บตั๊บหนุกหนาน เดี๋ยวค่อยกลับมาเล่าใหม่ถึงเรื่องเหล่าผีต่างๆที่อาศัยแผ่นดินตรงนั้น ไปไหนไม่ได้
ตอนนี้หิวแล้วและผู้คนเริ่มมา เดี๋ยวค่อยมากระซิบอีกทีว่า เจ้าเจ๊ะเจ้าจอมเขาว่ายังไง..!!
พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 8 ธันวาคม 2559 โดยพระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง