หลอน

หลอน

312
0
แบ่งปัน

**** “หลอน” ****

เช้านี้ออกจากสมาธิ น้องคนหนึ่งได้ถามมา บอกว่า ป้าเขาที่เข้ารักษาการผ่าตัดลำไส้ มีอาการหลอน

กลัวว่าหมอจะมาคิดตังค์แพง รักษาแล้วค่าใช้จ่ายต้องแพง

ภาวะเช่นนี้ เป็นการเอาตัวตกลงไปในกระแสแห่งการปรุง

คนเรานั้น จะมีโปรแกรมหนึ่ง ที่เป็นตัวรักษากาย รักษาความรู้สึก รักษาใจ

ตัวนั้นก็คือ วิญญาน

วิญญานนี้ เป็นเวทนาตัวหนึ่งของจิต ที่อาศัยช่องทาง ทางอายตนะ เพื่อนำผัสสะเอามาปรุง

การปรุงนี่เรียกว่า เจตสิก

ปรุงเสร็จก็เป็นเวทนา คือรู้ในการปรุงและเป็นเจ้าของการปรุงนั้นเรียบร้อย

ตัณหามันก็จะเกิด คือ อยาก ไม่อยาก และเฉยๆ อะไรอย่างนี้

เมื่อตัณหาเกิด หากไหลไปตามกระแส มันก็จะเป็นสมุทัย ผลก็คือทุกข์อีกมากมายที่ติดตามมา

หากเกิดสติพิจารณา สอดส่องตรงตามความเป็นจริง

นี่เรียกว่ามรรค เป็นเส้นทางไปสู่ผลที่สงบเรียกว่านิโรธ

นี่..หากผู้ตกลงไปในกระแสตัณหาได้มีการอบรมใจมาแต่ก่อนเก่า

เข้าใจในเหตุและผลของสภาวะ กระแสทั้งหลายที่ถาโถม เขาก็จะมีแรงต้านให้เขาสงบลงได้

นี่เป็นหลักแห่งอริยสัจ เราเป็นผู้ที่เลือกได้ในเส้นทางที่จะดับหรือก่อ

อย่างกรณีป้าของน้องเขา เรียกว่าปรุงมาทางด้าน มโนวิญญาน

คือผัสสะทางด้านมโน ปรุงจากความคิด จนรู้สึกว่า ต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้

เมื่อปรุงเสร็จ ก็เอาตนเองเข้าไปเป็นเจ้าของกระแสความคิด

การแสดงออก ที่สื่อออกมาจึงเกิดขึ้นในรูปของความวิตก

ความวิตกนี้ เป็นผลของการปรุง เพื่อรักษาตนเอง ไม่ให้เกิดอย่างนั้น ไม่ให้เกิดอย่างนี้

การป้องกันตัวเพื่อไม่ให้เกิดมันจึงเกิดการผลักดัน เป็นแรงต้านขึ้นมา

การกระทำต่างๆ มันจึงเกิดไปตามกระแสแห่งอาการที่แสดงออก

นี่เรียกว่า ใจมันไหลไปตามกระแสการปรุง เช่นนี้เรียกว่า สมุทัย

ผลก็คือ ทุกข์ทั้งป้าและผู้คนลูกหลานที่คอยเป็นห่วง

ถ้าเป็นการปรุงทางโสตวิญญาน ก็จะได้ยินเสียงนั้นเสียงนี้

ถ้าเป็นการปรุงทางจักษุวิญญาน ก็จะเห็นนั่นเห็นนี่

ถ้าเป็นการปรุงทางกายวิญญาน ก็จะเป็นนั่นเป็นนี่ทางกาย

อาการเหล่านี้ เป็นเรื่องจิตปรุงแต่ง เพื่อแสดงออกมาเป็นเวทนาทั้งนั้น

เมื่อเป็นเวทนา ตัณหามันก็เกิด

มันอาศัยกายเป็นตัวแสดงออกในการปรุง

นี่เป็นธรรมชาติของมัน ที่ท่านเรียกว่า กาย เวทนา จิต ธรรม

มันทำงานร่วมกัน และเราเข้าไปเป็นเจ้าของ ผลจึงตกมาว่าเราเป็นไปตามอาการที่มันแสดง

นี่..ผลทั้งหลายนี่ เกิดจากการที่เราขาดการอบรมจิต

ขาดผู้ชี้ให้เห็นตรงตามความเป็นจริง

ขาดการอบรมสมาธิ ความตั้งมั่นแห่งจิตวิญญานอ่อนแอที่จะเกิดกำลัง

ขาดการอบรมปัญญา แยกแยะกาย เวทนา จิต ธรรมไม่ได้

ขาดการสอดส่องเวทนา อันมีผลจากการปรุงแต่งของผัสสะ

การตกลงไปในกระแสแห่งภาวะอารมณ์ในภวังค์จิต มันเกิดขึ้นง่าย

และผันมาแสดงออกทางวิถีจิต ไปตามกระแสที่ตนเองปรุง

เช่นนี้เรียกว่าอาการหลอน เพ้อ หวาดระแวง กลัว และผลักดันให้แสดงออกมาในรูปแบบต่างๆ

เพื่อนเอ๋ย..ธรรมชาติของจิตนั้น เราควรหมั่นอบรม

ยามเรามีกำลังตั้งแต่ยังหนุ่มยังสาว เราไม่พยายามที่จะเรียนรู้และอบรมจิตใจเรา ให้เห็นความเป็นจริง

เมื่อแก่ตัวลง ความมากรู้ ที่เราสะสม มันจะไปบดบังความเป็นจริง ที่เราไม่สามารถมองเห็นได้

คนแก่ตัวลงมากๆ ถึงมีผู้ชี้ เขาก็ไม่ฟัง ภาชนะที่ว่างด้านปัญญา มันเป็นชาล้นแก้ว

คนแก่คนเฒ่า เราจะเห็นว่า มักจะหลงและเพ้อ ยามป่วยไข้

ที่หลงและเพ้อเป็นเพราะท่านขาดสติ มาทางด้านปัญญา

ทุกเรื่องที่ท่านแสดงออก ท่านจะเอาตัวเข้าไปเป็น

ขาดสติกำลังทางปัญญาที่จะเข้าไปสอดส่องและวินิจฉัยเมื่อตนผัสสะ

มาฝึกเถิดเพื่อน มาเรียนรู้ความจริงกัน เรียนรู้สิ่งที่มันประกอบมาเป็นตัวเราที่น่าหลงใหลนี้

เราจะได้ไม่ตกลงไปในกระแส เหมือนคนแก่ๆ ที่เขายึดว่าตัวเขาเป็นด้วยความไม่รู้

ผู้มีสติและสมาธิดีเพียงพอ

อาการปรุงแต่งต่างๆนี่ ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก เขามีแรงกำลังต้านกระแส

ผู้ที่ขาดการอบรมจิต และเรียนรู้ตรงตามความเป็นจริงทางจิต

แก่ตัวไปทุกราย ต่างต้องตกลวไปในกระแสการปรุงทั้งสิ้น

ที่สำคัญ..เมื่อเป็นและแสดงออกมาแล้ว ตัวเขาไม่เชื่อใครทั้งนั้น เพราะเขาประสพด้วยตัวเองอยู่

ชีวิตหนึ่งนั้น ต่างคนต่างเป็น ต่างคนต่างตายและไปคนละหนทางกัน ไม่ได้เหมือนกัน

ฉนั้น..เราเป็นเจ้าของชีวิต เราจึงควรเรียนรู้มัน เพื่อที่จะได้รู้จักมัน

เพื่อที่เราจะได้อยู่กับมัน อย่างมีความสุขที่เราได้เกิดกำเนิดมา

อย่าตายและจากไปโดยไร้ค่าและตาบอดมืดในตัณหาและอารมณ์

ทำวันนี้ให้ดี และชี้อบรมใจตน ให้ตนได้มองเห็นตรงตามความเป็นจริง

สวัสดียามเช้า..!!

พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง

วันที่ 15 ธันวาคม 2560