******* “ปลงศพ..เด็กน้อยแห่งธรรมวินัย..และธรรมกาย” *******
>>>> เวลากระผมมีความกำหนดยินดีในรูป เกิดตัณหารุนแรงที่ระงับไม่ได้ กระผมได้ใช้วิธีดูภาพศพ และสิ่งของไม่งามที่เกิดกับรูป เช่นนี้จะทำให้ผมเอือมระอากับรูปที่เกิดความกำหนัดมากๆ
การพิจารณาเช่นนี้ จะทำให้เราบรรลุธรรม หมดความกำหนัดยินดีในเพศได้ไหมครับ
<<<< ความกำหนัดยินดีนี่ ผู้มีปัญญาท่านเข้าใจแล้วว่า มันเป็นอาการของจิต
การปลงเพื่อให้หมดไปจากอารมณ์ความกำหนัดยินดี เป็นเรื่องของคนโง่ ที่กำลังวิ่งไขว่คว้าอากาศที่มันไม่มี
คนมีปัญญาไม่ได้ชี้สอนเช่นนั้น
การชี้สอนเช่นนั้น เป็นเรื่องของผู้คนทุกศาสนาที่เขาชี้สอนกันทั่วๆไป
ทุกศาสนา ชี้สอนในสิ่งที่มุ่งดิ่งไปสู่เส้นชัยที่หาไม่เจอ
แต่ก็ต่างเอาหัวกระแทกกระจกใส เพื่อหาทางออกที่โดนบดบัง ด้วยความใสที่ไม่เห็นเครื่องบดบัง
แข่งกันวิ่งเพื่อหาเส้นชัย ที่ไม่มีเส้นชัยในความเป็นจริง
การปลงความกำหนัดยินดีที่มีต่อรูปหลงใหลทั้งหลาย
มันต้องเอารูปที่มันน่าหลงใหลที่มันหลงใหลนั่นแหละมาปลง
ไม่ใช่ไปเอาศพมาปลง
เอาศพมาปลง ใจมันไม่เอากับศพอยู่แล้ว จะปลงเพื่อไม่ให้มีกำหนัดไปทำไมกัน
โน่น..เอาไอ้ที่ขาวๆ ดึ๋งๆ ดั๋งๆ ที่น่ารัญจวนใจโน่น เอามาปลง
พิจารณาเจ้าไปว่า ใจดวงนี้มันน่าหลงใหลตรงไหน ไอ้ที่ขาวๆอวบๆผิวตึงๆที่น่าหลงใหลนี่น่ะ
หาความจริงที่มันหลงใหลและเกิดความกำหนัดให้มันเจอ
ไม่ใช่ไปเอาศพมาพิจารณาคลายความกำหนัดอย่างที่เข้าใจกัน
ศพนี่ใช้พิจารณาความไม่เที่ยงแห่งรูป ที่เราเข้าไปยึดว่าเที่ยง
และใช้ปลงให้เห็นความเป็นจริงว่า รูปที่น่ารักน่าใคร่ทั้งหลาย เมื่อถึงที่สุดมันจะเป็นของมันเช่นนี้
>>> มหาเหรียญ..ถาม : การฟังเพลง เป็นอาบัติจริงหรือ การฟังธรรม ไม่เป็นอาบัติจริงหรือครับ
การฟัง มันก็ได้ยินของมัน กับใจ ที่อยากจะฟัง….บาป?
<<< พระอาจารย์ : เด็กน้อยนั้น ก็ไม่ควรลงไปเล่นน้ำ ที่เขาเขียนว่า อันตรายน้ำลึกใช่ไหม
นี่..มันอาบัติสำหรับเด็กน้อย
คนแข็งแรง ว่ายน้ำเก่ง ป้ายขู่อันตรายเพราะน้ำลึก ก็เป็นเพียงแค่ป้าย ที่ไม่ได้ทำร้ายใจใคร..!!
ตรงนี้ก็เช่นกัน คนไม่แข็งแรง ฟังเพลงเพลินกับเพลง ก็เหมือนเด็กน้อย จมน้ำง่าย
คนแข็งแรง ฟังไปเหอะ แถมหมอรำให้อีกวง มันก็ไม่เป็นไร
เพียงแต่โลกเรา….คนไร้เรี่ยวแรงและเด็กน้อย มันชอบทึกทักว่า ตนกำยำไม่เคยหวาดหวั่นในป้ายที่เตือน..!!
การฟังเพลงก็เหมือนกัน หากเข้าใจโลกแล้วว่าเป็นเช่นไร มันแข็งแรงพอที่ไม่ใช่เด็กน้อย ก็เชิญฟังไปเหอะ
แต่ส่วนใหญ่เป็นเด็กน้อย ที่มักจะทึกทักว่าตนเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแรง จึงจมไปในกระแสแทบทุกราย..!!
<<คำถาม: นมัสการพระคุณเจ้าครับ กรณีธรรมกาย มวลลูกศิษย์เค้าก็ปฎิบัติตามแนวทางพระอาจารย์เขาใช่ใหมครับ ไม่ระรานไม่รุนแรง ปฎิบัติตามคำสอนเจ้าสำนักตัวเองไป ด้วยความเคารพอย่างสูงครับ _/|\_ _/|\_ _/|\_
>>พระอาจารย์: กรณีธรรมกาย มันก็เหมือนเม็ดทราย
ดูใกล้ย่อมเห็นเศษผงระเกะระกะ
ดูไกลย่อมสวยงามเป็นหาดทรายขาว
มันอยู่ที่ผู้ดูว่า จะยืนดูอยู่ระยะใด
ชาวพุทธย่อมมีวิธีและเส้นทางในการรับมือข้าศึก
ธรรมกาย ขอบเขตแค่การทำบุญ ยังชี้ให้วนอยู่ในวัฏฏะ ใช้สวรรค์เป็นเครื่องล่อ
สังคมย่อมตัดสินได้ ด้วยมวลชนที่ต่างแยกฝ่าย และความเชื่อกันเอง
ส่วนวิธีการนั่นต้องไปว่ากันอีกตามเหตุปัจจัย
คุณภาพแห่งธรรม ไม่ได้วัดกันที่ปริมาณของผู้คน
ผู้ตาม ย่อมไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนทำและเชื่อ มันถูกผิดในระดับไหน
คนชอบใจ ก็ย่อมมองว่าเป็นสิ่งถูก
คนไม่ชอบใจ ก็ย่อมมองว่าเป็นสิ่งผิด
ทั้งถูกและผิด เกิดจากใจเจ้าของที่ให้ค่านิยาม
ธรรมกายเขาก็ถูกอย่างธรรมกาย
คนที่ไม่ชอบ ธรรมกาย เขาก็ว่านี่มันผิด
นี่..เป็นธรรมดาของโลกปุถุชน
ในวิถีพุทธ ท่านชี้มาให้เปลี่ยนใจตนเองก่อน
ก่อนที่จะไปเปลี่ยนแปลงใจใครทั้งโลกเขา
ตราบใดที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงใจตนเองในการชอบเข้าไปเสือกเรื่องของใครเขา
โลกเราก็มีแต่ความวุ่นวาย เพราะเหตุแห่งความให้ได้ดั่งใจ
โลกมนุษย์ย่อมมีกลไกในการขจัดสิ่งปฏิกูลอยู่แล้ว.. นี่เป็นธรรมดา
เพียงแต่ว่า เรามักจะเสือกไปเป็นสิ่งปฏิกูล และเจ้าของสิ่งปฏิกูลที่ตนเองไม่เคยชอบใจไปซะเองเป็นส่วนใหญ่
ถ้าถูกใจ เราย่อมชอบใจ และไม่เพ่งโทษ
ถ้าไม่ถูกใจ เราย่อมไม่ชอบใจและเพ่งโทษ
นี่..หัวใจแห่งปุถุชนเต็มถังอันทรงพลังที่อัดแน่นด้วยปฏิกูลแห่งกิเลส..!!
ถามตอบจากบทธรรม ณ วันที่ 2 มีนาคม 2559 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง