เปลือกหรือเนื้อเยื่อ ประโยชน์ด้วยกันทั้งนั้น

เปลือกหรือเนื้อเยื่อ ประโยชน์ด้วยกันทั้งนั้น

567
0
แบ่งปัน

มีน้องเขาให้แนวความคิดมา แค่น้องไม่รู้ว่า เขาทำกันนี่ มีเหตุมีผลอะไร

>>คอมเม้นต์ : สร้างเปลือกเพื่อรักษาเนื้อเยื่อ ก็อย่าเผลอไปหลงว่าเปลือกเป็นเนื้อว่าเนื้อเป็นเปลือก ผลัดไปสู่รุ่นด้วยฟังคำบอกสืบต่อๆ กันไป

นานวันจะยึดเอาเปลือกเป็นเนื้อ ด้วยสำคัญว่าเป็นคำครู ประดุจนำคนมานั่งเรียงแถวก็กัน แล้วให้คนหัวแถวเล่าเรื่องให้แก่คนที่ 2 ให้คนที่ 2 เล่าเรื่องให้แก่คนที่ 3 เรียงต่อกันไป ผลสุดท้าย ความของคนที่ 1 กับคนสุดท้ายจะตรงกันหรือไม่

หากถามว่าคนสุดท้ายทำไมจึงกล่าวคำเช่นนั้น เขาก็จะตอบว่าด้วยฟังคำของผู้ที่บอกตนมา

****เหตุใดการเทศนาจึงยกพระบาลีขึ้น ก็ด้วยพระบาลีนั้นเป็นคำมาจากพุทธองค์ที่พระสาวกอ้างมาเมื่อทำสังคายนาพระบาลีจึงไม่เปลี่ยนแปลง

ส่วนการสาธยายก็แล้วแต่ผู้เทศนาจะสาธยายจากบาลีออกไปเพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจง่าย จึงเปรียบการยึดหลัก เราจึงยึดจากแก่นออกมา

แต่การจะอาศัยเปลือกผู้ชี้ก็ควรชี้ให้ผู้รับฟังเห็นและเข้าใจว่าอะไรคือเปลือกอะไรคือแก่น และสิ่งใดควรยึดเป็นหลัก สิ่งใดควรปล่อยวาง เพื่อมิให้สับสนระหว่างเปลือกเป็นแก่น แก่นเป็นเปลือก

****ทำให้นึกถึงคราวมีพระ 2 รูปต่างสำนักถกกัน ด้วยองค์หนึ่งนำเท้าเหยียบพระพุทธรูปด้วยมองว่าเป็นเพียงเปลือก แต่อีกองค์มองว่าเปลือกนี่แหละจะนำพาไปสู่แก่น****

>>พระอาจารย์ : นี่..ท่าน ผู้มีดวงจิตโพธิญาณ..!!!

ท่านได้ติดตามอ่านเจตนามาบ้างรึยัง ถึงได้เอาความคิดตนมาใส่มาคิดเอาว่าเช่นนั้นว่าเช่นนี้

เรื่องเปลือกห่อหุ้มเนื้อเยื่อนี่ เป็นสิ่งเปรียบเปรย ไม่ได้เป็นการแสดงข้อธรรมในเชิงความหมายแห่งบาลี

อ่านและพิจารณาให้มันจบ และวิเคราะห์ให้เป็น ก่อนที่จะอวดความเห็น

เปลือกทาง ทาน ก็มี

เปลือกทาง ศีล ก็มี

เปลือกทาง สมาธิ ก็มี

เปลือกทาง ปัญญา ก็มี

เปลือกทาง ธรรม ก็มี

อะไรเปลือกอะไรเนื้อเยื่อนี่ คนมีปัญญาเขาย่อมแยกแยะเป็น

คนไร้ปัญญา จะเอาเปลือกมาเป็นเนื้อเยื่อ นี่มันเรื่องภูมิปัญญาของเขา

เป็นเรื่องภูมิปัญญาที่แต่ละคน มันสอดส่องลงไปได้ไม่เท่ากัน เราหวังดีว่าอย่างนั้นว่าอย่างนี้ แต่เราน่ะ ช่วยอะไรเขาได้บ้าง นอกจากทำตัวเป็นผู้ติเตียนอันสูงส่ง

การสร้างพระพุทธรูปมันมีเจตนาเพื่อพยุงศาสนาก็มี

เจตนาเพื่อหาตังค์ก็มี

เจตนาเพื่อเป็นบุญกุศลก็มี

เจตนาเพื่อได้ชำระใจต่อบาปอกุศลก็มี

เจตนาเพื่อขายพระก็มี

เจตนาเพื่อล้างซวยก็มี

มันมีหลากหลายเจตนา เป็นเปลือกเจตนาที่เข้าไปยึด เพื่อนำมาถมความพร่องแห่งจิตใจ ให้มันเต็มอย่างโง่ๆ

แต่ความโง่นี้ มันเป็นธรรมดาของโลกที่เขาปรารภนิยมกัน โลกเขาสมมุติกัน เมื่อยังอยู่บนโลก ปราชญ์ท่านก็ว่าไปตามโลก

โลกเขาซื้อมะพร้าวมาคั้นกระทิแกง มีใครติเตียนใจใครใหม ว่าโง่ซื้อเปลือกมาด้วยทำไม ซื้อกาบมาด้วยทำไม ซื้อกะลา ซื้อเนื้อ ซื้อน้ำของมันมาด้วยทำไม

มีใครเคยด่าบ้างไหมในความโง่ที่ต้องเสียตังค์ซื้อสิ่งเหล่านี้ เพื่อต้องการแค่ กระทิเพียงเล็กน้อยมาแกง

มันเป็นความโง่ที่โลกเขาจำยอม และโง่นี้ มันไม่มีใครรู้สึกว่าโง่ เพราะโง่นี้มันเป็นความฉลาด ที่สามารถห่อหุ้มเนื้อเยื่อ ให้มันอยู่ได้ยืนยาวนาน

แต่มีใครฉลาดพอฉุกคิดบ้างไหม ว่าทำไม กูต้องเสือกซื้อเปลือกมาด้วยทำไม ซื้อกาบ ซื้อกะลา ซื้อเนื้อ ซื้อน้ำมาด้วยทำไม

ทั้งๆที่ต้องทิ้งมันไป มันโง่หลายๆไหม ไอ้คนที่ซื้อ

แล้วมีไอ้โง่คนไหน เอาเปลือก เอากาบ เอากะลา เอาเนื้อ เอาน้ำ ไปแกง

เขาก็ทิ้งกันไปทั้งนั้นแหละ ทิ้งกันทุกคนโดยไม่ต้องไปสอน สัญญาจำมันมีสืบๆต่อๆกันมากันอยู่แล้ว

ไอ้พวกหวังดีกลัวคนอื่นไม่รู้ว่า นี่เปลือก นี่เนื้อเยื่อ นี่มันพวกโง่หรือพวกฉลาด ช่วยเขายกช่วยเขาปอกเปลือกซิ แดกแกงเขาแต่ไม่ช่วยอะไร แถมคอยด่าใจเจ้าของแกง ว่าโง่หลาย ทั้งๆที่เขาเอากระทิมาแกง ไม่ได้แกงทั้งเปลือกอย่างที่ตนเข้าใจซักหน่อย

พระแก้วมรกต คนโบราณได้สร้างไว้ ท่านก็ย่อมเล็งเห็นความเป็นเปลือก ที่จะอยู่คู่ห่อหุ้มพระพุทธศาสนา ชาวไทยพุทธเรา จึงมีที่ตั้งแห่งองค์พระประจำใจ

หากไม่มีผู้เสียสละ นำเอาอัญมณีมาแกะเป็นองค์พระ เพื่อมอบไว้ให้กับแผ่นดิน มีหรือ เราจะเห็นพระแก้วมรกตเป็นพระคู่แผ่นดิน สืบสานความเป็นพุทธคู่เมืองไทย

นี่เป็นเปลือกที่รักษาไว้ซึ่งเนื้อเยื่อ ใครจะสละใจสร้างเปลือกไว้ เพื่อรักษาและทิ้งไว้ให้แก่แผ่นดินได้บ้างเล่า

ยิ่งเป็นสิ่งของเลอค่า มันยิ่งทำใจสละยากและลำบาก แต่ถ้าใครได้สละสิ่งที่สละยากออกไปเพื่อกุศลแห่งแผ่นดิน

เปลือกเหล่านี้ มันเป็นที่ตั้งอันน่าภูมิใจยิ่ง แห่งใจที่มันยังไหลไปตามสมมุติกระแส เพราะพ่อแม่ปู่ย่าท่านก็มีความเชื่อมากันแบบนี้ พุทธศาสนานี้ จึงยืนยงคงทนมาได้

ธรรมต่างๆ ที่ยึดและเรียนรู้ มันก็เป็นเปลือก ธรรมในพระไตรปิฏกทั้งเล่ม มันก็เป็นเปลือก

แต่เรามองเห็นความเป็นเปลือกที่มันเฝ้ารักษาความเป็นเนื้อเยื่อไหม

พวกปัญญาทราม มันก็ย่อมเห็นเปลือกทั้งหลายเหล่านั้น ยึดเอามาเป็นเนื้อเยื่อ

พวกไร้ปัญญามันไม่รู้หรอกว่า แม้จะแกะเปลือกเข้าไปเจอเนื้อเยื่อ เนื้อเยื่อที่เจอ มันก็เป็นแค่เปลือก ที่ห่อหุ้มเนื้อเยื่ออยู่อีกนั่นแหละ

คนตาบอดย่อมแสวงหาเนื้อเยื่อ พยายามแกะเปลือกเพื่อพบเจอเนื้อเยื่อ

คนตาบอดมันแค่เอามือคลำๆ และลงความเห็น ตัดสินใจด้วยมือที่คลำๆ นั้นว่า

สิ่งที่คลำโดนนี้นี่เหละ คือเนื้อเยื่อ ทั้งๆ ที่ความจริง มันก็คือเปลือก

คนไร้ปัญญา คนตาบอด คนโง่ มันไม่รู้ว่า สรรพสิ่งทั้งหลาย มันไม่มีเนื้อเนื่อ

ไอ้เนื้อเยื่อที่มี มันเป็นเพียงสมมุติ และไอ้สมมุติทั้งหลายที่มีนี่แหละ แท้จริงแล้วมันเป็นแค่เปลือก ที่ห่อหุ้มสัจธรรม ที่มันไม่มีเนื้อเยื่ออะไร

การสร้างองค์พระก็คือเปลือกอย่างหนึ่ง และเป็นเนื้อเนื่ออีกอย่างหนึ่ง

มันเป็นสมมุติทางโลก เพื่อเป็นอุบายจิตอันพึงเป็นที่ตั้งแห่งใจ

คนมีปัญญาน้อย ก็ต้องอาศัยสมมุติ อันเป็นเปลือกเพื่อช่วยพยุงใจกันทั้งนั้น

หรือท่านไม่เคยเป็นเด็กที่ต้องให้ใครต้องคอยพยุงมาก่อน

เป็นผู้แข็งแรงไปแล้ว ก็เป็นไปซิ ไปยุ่งอะไรกับเด็กน้อยที่เขายังต้องพึ่งสมมุติเพื่อการพยุงใจเล่า

ทั้งการยึดและปล่อยวาง มันอาศัยเหตุปัจจัยแห่งปัญญาของเจ้าตัว

และก่อนที่จะมาแสดงถึงหัวข้อนี้ ผู้แสดงท่านก็ชี้แจงแนวเหตุแนวผลมาอย่างชัดเจน ว่าอะไรคือเปลือก อะไรคือเนื้อเนื่อ

นี่..อยู่ๆ ไม่รู้เป็นไอ้บ้ามาจากที่ไหน เห็นผลเข้าให้ก็ตัดสินและยัดเยียดไปตามผลที่เห็น ไม่ได้สาวผลที่เห็นนั้น ไปหาเหตุ ที่ แสดงผลออกมา แล้วตัดสินใจตามความคิดแห่งตัวตนแม่งเลย

อะไรเปลือก อะไรเนื้อเยื่อ หรือใครจะมีแนวคิดไปทางไหนทางใด

ก็ช่างแม่งเขาไป เราอย่าได้เข้าไปเสือก ตราบใดที่มันไม่ใช่เป็นสิ่งชั่วร้าย ที่โลกเขาเพ่งโทษและนิยมกัน หยุดเสือกเขาแล้วมองใจตนเอง

ว่าทำไมใจดวงนี้ มันถึงชอบเสือก และยุ่งยากกับความคิดการกระทำของคนอื่นหนักหนา

แก้ที่ใจเจ้าตัวนี้ อย่าไปอยากเสือกแก้ใจใคร

เขาได้ตอบแทนคุณแผ่นดินกันด้วยการสร้างเปลือกไว้ มาสงสัยทำไม

ไม่เคยมีใจมาช่วยมาทำ อะไรให้ใคร แต่ชอบมีใจที่จะติเตียนและสงสัย

นี่แหละใจจัญไรที่มีแต่เปลือก..

***************************************
พระธรรมเทศนา จากบทธรรม เรื่อง สร้างเปลือกเพื่อรักษาเนื้อเยื่อ..
ณ วันที่ 8 ตุลาคม 2557
โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง