ฝรั่งถามฉันตอบ…กลางวันเป็นความจริงหรือสมมุติ

ฝรั่งถามฉันตอบ…กลางวันเป็นความจริงหรือสมมุติ

750
0
แบ่งปัน

เช้าวันหนึ่ง ฝรั่งนั่งสมาธิตั้งแต่ตีสองกว่าๆ มาออกเอาตอนเจ็ดโมงเช้า ข้าเองพักไปสองรอบ เขาบอกว่าเขาอยากหาคำตอบบางประการ ในคำสอนของชาวพุทธ มันอยากบรรลุก็เลยเปล่อยไป วันนี้ไอ้จิ๊บตีหน้าขรึมเป็นพิเศษ นี่อยู่มาเกือบสองเดือนแล้ว 

ฝรั่ง: ขอถามอะไรหน่อย สามลิตร..?

พอจ: ถามเยอะก็ได้ แกไม่ต้องเกรงใจ ไง..วันนี้นั่งสมาธิซะนาน บรรลุอะไรรึ มาสอนชี้ข้าบ้างซิ พ่อจอมยุทธ

ฝรั่ง: ซีเรียดๆๆ สามลิตรบอกไอว่า ทุกอย่างเป็นสมมุติ ไม่มีอะไรจริงเลยในโลกนี้ วันนี้ไอนั่งสมาธิตั้งนาน ไม่เห็นว่าจะรู้เรื่องสมมุติอะไรขึ้นมาเลย ปวดก็ปวดจริง เจ็บก็เจ็บจริง นั่งจนเหน็บชากิน เหงื่อแตกตัวสั่นยิ๊กๆ สู้ทนกับมัน มันสมมุติตรงไหน ไอเจ็บแทบตาย ไอทดลองแล้ว ขอค้านว่าไม่จริง ทุกอย่างเป็นของจริง เจ็บจริง ปวดจริง และเราเป็นคนรับรู้ ไม่มีสมมุติอย่างที่สามลิตรว่า

พอจ: แล้วอาการเหน็บ อาการเจ็บ อาการปวด อยู่ไหน เอาออกมาดูซิ

ฝรั่ง: อ้าว..!! ตอนนี้มันหายไปแล้ว ไอหยุดทำแล้วนี่ จะมีได้ไง อย่ามาเล่นลิ้นนะ รู้ทันๆๆ

พอจ: ไหนมือแก ยังอยู่ไม๊

ฝรั่ง: นี่ไง. !!! ถามแปลกๆ มีลูกเล่นอะไรอีกรึเปล่า

พอจ: มือนี่ของแกรึของใคร เอามีดมาสับหน่อยซิ

ฝรั่ง: เฮ๊ยย …บ้าซิ !! นี่มันมือไอ เอามีดมาสับก็เจ็บซิ จะมาไม้ไหนอีก อยู่นานไอรู้ทันนะ จอมเจ้าเลห์

พอจ: ทีมือแกยังอยู่ แต่เจ็บเอย ปวดเอย เหน็บเอย ดันไม่มี ถ้าเจ็บ ปวดและเหน็บเป็นแก มันก็ต้องยังอยู่ซิ นี่มันหายไป ถ้าเจ็บ ปวด เหน็บ เป็นแก ทำไมแกไม่หายไปด้วย แกมายืนโด่อยู่ทำไม มือแกก็ยังอยู่นี่ นี่ข้ายอมรับว่าเป็นมือของแก แต่ไอ้เจ็บ ไอ้ปวด แกต้องเอามายืนยัน ข้าจึงจะเชื่อ ว่าแกเจ็บปวดจริง เอาออกมาซิ..!!

ฝรั่ง: ………..!!!!! ก็…ตอนนี้.!! …มันหายไปแล้ว

พอจ: ก็แสดงว่าไม่มีจริง อะไรที่ไม่มีจริง แล้วรู้สึกว่ามี มันก็แค่สมมุติขึ้นมา ว่ามันมี ถ้าไม่ใช่สมมุติ มันต้องยืนยันได้เหมือนแขนแก ที่ข้าเห็นอยู่

ฝรั่ง: โว๊ยยยยย จุ๊.จุ๊.จุ๊ กูไม่เข้าใจพุทธเลยว๊อยยย... ก็มันเจ็บ มันปวดอยู่จริงๆ นั่งนานขนาดนั้น ไม่เจ็บไม่ปวดก็ไม่ใช่คนแล้ว มันสมมุติตรงไหน แต่ตอนนี้มันหายแล้ว ถ้าตรงนั้นเป็นสมมุติ งั้นกลางวันเป้งๆอย่างนี้มันก็สมมุติด้วยซิ ท่านพระพุทธเจ้าสามลิตร

พอจ: ข้าไม่ใช่พระพุทธเจ้าโว๊ยไอ้เปรต…!! กลางวันนี้มันก็สมมุติ มันไม่มีจริง ไอ้จิ๊บ..!!!

ฝรั่ง: โอเค … สามลิตร มาเลยมาพิสูจน์กัน กลางวันที่เห็นๆอยู่นี้ ถ้ายังเป็นสมมุติอีก ไอจะกระโดดน้ำตายไม่ขออยู่แล้วบนโลกใบนี้..!!

พอจ: เดี๋ยวแกก็ได้ตาย ไอ้จิ๊บ

ฝรั่ง: มาเลยวันนี้ สามลิตรเสร็จไอแน่ๆ กลางวันอย่างนี้เป็นสมมุติใช่ไม๊ ได้เลย บอกก่อนนะ ห้ามเล่นคำ ห้ามยอกย้อน ห้ามเปรียบเทียบ ห้ามยกนั้นยกนี่มาอ้าง เอาตอนนี้ กลางวันที่เห็นๆอยู่อย่างนี้ จะๆตาอย่างนี้ รู้สึกและเห็นชัดด้วยกันทั้งสองฝ่ายอยู่เช่นนี้ ว่านี้คือกลางวัน บอกมาซิ มันเป็นสมมุติตรงไหน..?

พอจ: ก็มันไม่ใช่กลางวันนี่ 

ฝรั่ง: ไม่ใช่ได้ไง พระอาทิตย์ขึ้น ก็เป็นกลางวัน พระอาทิตย์ตก ก็เป็นกลางคืน จะมามั่วได้ไงว่านี่ไม่ใช่กลางวัน ทั้งโลกเขาก็รู้กัน มีแต่สามลิตรนี่แหละ โต่งอยู่ ตายๆๆๆวันนี้ตาย ไปไม่เป็นเลย ตายเพราะปาก แหม๋ กลางวันเป้งๆบอกว่าเป็นสมมุติ..!! เสร็จ.!!

พอจ: ก็พระอาทิตย์ ไม่ได้ขึ้น ไม่ได้ตกอย่างแกว่านี่หว่า กลางวันก็ไม่มี กลางคืนก็ไม่มี ที่มีแกมันมั่วเอา.. ไอ้จิ๊บ

ฝรั่ง: สามลิตร.ซิมั่ว เมื่อเช้าพระอาทิตย์มันขึ้นตรงภูเขาทางทิศนั้น เห็นไหม..? 

พอจ: เห็นซิ..

ฝรั่ง: ตอนเย็นพระอาทิตย์ ตกไปยังขอบฟ้าด้านนู้น เห็นไหม..?

พอจ: เห็นซิ..จิ๊บ

ฝรั่ง: พระอาทิตย์ขึ้น แสงสว่างจ้าเราเรียกว่ากลางวันใช่ไหม..?

พอจ: ใช่…ข้าไม่เถียง..!!

ฝรั่ง: ไม่เถียงนะดีแล้ว..!! พระอาทิตย์ตกไป เราเรียกว่ากลางคืนใช่ไหม..?

พอจ: ใช่.. ข้าก็ว่าเช่นนั้น.!!

ฝรั่ง: เมื่อสามลิตรเองก็ยอมรับเช่นนี้ ว่า กลางวันมี กลางคืนมี พระอาทิตย์ขึ้น เป็นกลางวัน พระอาทิตย์ตกเป็นกลางคืน แล้วยังจะมาบอกว่า พระอาทิตยไม่ได้ขึ้น ไม่ได้ตก ไม่มีกลางวัน ไม่มีกลางคืนได้ไง ยอมรับและรู้เห็นอยู่ นี่มันของจริงไม่ใช่สมมุติ เลิกดื้อด้านทนงตัวคัดค้านแบบข้างๆคูๆซะที..พ่อนักบวช..!!

พอจ: แกว่าโลกเรามันหมุนรอบดวงอาทิตย์ หรือดวงอาทิตย์ หมุนรอบโลกเรา

ฝรั่ง: โลกเราหมุนรอบดวงอาทิตย์ซิ ถามเด็กๆ

พอจ: งั้นพระอาทิตย์มันก็อยู่ของมันเฉยๆ ซิ มันจะมาขึ้นที่โลกทำไม มีแต่โลกนั่นแหละเสือกไปหมุนรอบตัวมัน อย่างงี้ พระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตกรึเปล่า..หืออ

ฝรั่ง: ………….?????

พอจ: โลกมันหมุนอยู่ท่ามกลางอวกาศ ด้านไหนที่โดนแสง เขาเรียกว่ากลางวัน ส่วนด้านที่ไม่โดนแสงเขาเรียกว่ากลางคืน นี่เขาสมมุติเรียกเอา หรือมันเป็นกลางวันจริงๆ กลางคืนจริงๆ มันหมุนไปเฉยๆ ไม่ใช่หรือ..หือ..

ฝรั่ง: …………….???????

พอจ: อย่างนี้ ผนังด้านนี้โดนแสงทำไมไม่เรียกว่าผนังกลางวัน ด้านนี้ไม่โดนแสง ทำไมไม่เรียกว่าผนังกลางคืนมั่งล่ะ..หือ.

ฝรั่ง: ………..????????

พอจ: แสดงว่ากลางวันและกลางคืน เป็นชื่อสมมุติที่เราตั้งขึ้น เพื่อใช้แทนชื่อเรียก จริงๆแล้วมันไม่มี ที่มีเกิดจากเราสมมุติให้มันมี หรือแกว่ามี เมื่อรู้ความจริงเช่นนี้

ฝรั่ง: ……..โ น ว ว ว ..!!!

พอจ: พระอาทิตย์ขึ้นไม๊…หือ..?

ฝรั่ง: โ น ว ว ว….!!!!

พอจ: มีพระอาทิตย์ตกไม๊…หือ….จิ๊บ

ฝรั่ง: โ น ว ว ว….!!!!

พอจ: กลางวันมีไม๊ กลางคืนมีไม๊ หือ…จิ๊บ

ฝรั่ง: โ น ว….โนว…..โนว ..!!

พอจ: พ่อมึงซิ..!! โนวๆๆๆอยู่ได้ เป็นไงพ่อนักบรรลุธรรม โลกนี้ไม่ใช่สมมุติ..!!!

ฝรั่ง: ไอคิดว่า….ไอพลาดความจริงอะไรไปบางอย่าง ไอพูดเรื่องในโลก แต่สามลิตรเล่นไอด้วยเรื่องนอกโลก มันไม่แฟร์..!!

พอจ: แฟร์ไม่แฟร์ แกก็ยอมรับว่ากลางวันมันเป็นสมมุติ ส่วนเรื่องกลางคืนกับพระอาทิตย์ขึ้นและตก ข้าแถมให้ แกไปกระโดดน้ำตายได้แล้ว ไอ้จิ๊บ..!!

ฝรั่ง: โธ่……..ส า ม ลิ ต ร..!!! ไอว่า สามลิตรไม่ใช่คน..!! นี่มันวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ธรรมะ อย่าเอามารวมกันซิ งี้ก็ขี้โกง

พอจ: ธรรมะนั่นแหละเป็นวิทยาศาสตร์ มันพิสูจน์ได้ทั้งนั้น แต่เรามันโง่เองที่คิดว่าวิทยาศาสตร์ มีแค่ฟิสิกส์กับชีวะ มันยังมีวิทยาศาสตร์ทางจิต วิทยาศาสตร์ทางกรรมและวิทยาศาสตร์ทางธรรมอีก การใช้เครื่องมือพิสูจน์ มันก็มีเครื่องมือเฉพาะทางของมัน จะเอาวัตถุมาพิสูจน์ทางจิต พิสูจน์เท่าไหร่ก็ผิดเท่านั้น พุทธศาสนาเกิดขึ้นมาเพื่อพิสูจน์วิทยาศาสตร์อีกสามตัว ที่ปัญญาอย่างเราๆก้าวเข้าไปไม่ถึง ถ้ามันเรียนรู้กันได้ง่าย แกคงไม่จนแต้มข้าทุกครั้งที่แกทดสอบหรอกจิ๊บ วิทยาศาสตร์อีกสามตัว พระพุทธเจ้าของพุทธศาสนาเท่านั้น ที่ทรงทราบชัดทุกเรื่อง ศาสนาอื่นๆ ไม่มี ถ้ามี ศาสดาจารย์ทางคณิตศาสตร์อย่างแก คงไม่จนแต้มข้า หรือแกว่าไง โดดน้ำตายได้หรือยัง..

ฝรั่ง: โธ่….สามลิตร ค้างไว้ก่อน ขอแก้ตัวคราวหน้า ให้โอกาศไอซักครั้ง พรีสสสส..