กินผัก ดีกว่ากินเนื้อ….ฮ่วย

กินผัก ดีกว่ากินเนื้อ….ฮ่วย

1090
0
แบ่งปัน

เรามาว่าถึงธรรมแห่งการก่อรูปกันซักเล็กน้อย เรามาว่าถึงอาหาร.. เรามักจะไปฉีกประเด็นคับแคบเนื้อหาธรรมกัน ตรงกินเนื้อหรือไม่กินเนื้อ นี่..แคบไป ไม่มีสาระและมุ่งเข้าสู่การดับแห่งรูปตรงไหนเลย เป็นความเห็นเป็นจริต เป็นแค่เปลือกอันเป็นธรรมชาติของโลก ที่มันมีที่มันเป็นก็แค่นั้น ไม่ใช่ว่า สัตวกินเนื้อ จะเป็นฝ่ายเลว สัตว์กินพืชจะเป็นฝ่ายดี ไม่ใช่อย่างนั้น นั่นเรามันยัดเยียดให้กับธรรมชาติด้วยกฏสมมุติของเรา พุทธศาสนาขั้นปัญญา ไม่ได้ชี้ไปที่ ท่านจะกินเนื้อหรือไม่กินเนื้อ พุทธศาสนาชี้ลึกลงไปกว่านั้นมาก ไม่ได้ชี้เพราะความถูกใจ ไม่ถูกใจด้วยความเห็นแห่งอัตตา ที่คิดว่า นั่นดีนี่เลว ผักหนึ่งชิ้น กับเนื้อหนึ่งชิ้น สาระธรรมไม่ได้อยู่ที่ตัววัตถุ แต่มันอยู่ที่ตัณหาเจ้าของนี่ สาระธรรมมันเสมอกัน อาหารที่เป็นเสบียงในการดำเนินไปก่อรูป วนเวียนไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ใช่อาหาร ที่เรียกว่าเนื้อ หรือผัก แต่มันเป็นอาหารที่หลงเข้าไปยึด รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และอารมณ์ นี่…ตรงนี้ เป็นอาการ เป็นเสบียงแท้ ที่ดำเนินไปเพื่อการก่อรูป ผักหนึ่งชิ้น เมื่อยังยินดียังแสวงหา ในรูปแห่งผัก ในรสแห่งผัก ในกลิ่น ในเสียง ในสัมผัส ในอารมณ์แห่งผัก มันก็ไม่แตกต่างกับ การ กินรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อารมณ์ ที่ได้กินเนื้อ มันเสมอกัน ด้วยเสบียงอาหารแห่งจิต ที่จะดำเนินไปก่อเป็นรูปด้วยอุปาทาน รูปนี่ อาศัยอาหาร รูปหยาบอย่างที่เป็นเรา สัตว์ สิ่งของนี่ มันอาศัยอาหารหยาบ มันไม่ได้อาศัยอาหารละเอียด อย่างจิต ที่มันอาศัย รูป รส กลิ่น เสียง เป็นตัณหา จิตมัน อาศัย สมมุติรูป เป็นอาหาร สมมุติรส กลิ่น เสียง สัมผัส อารมณ์ เป็นอาหาร ส่วนกากซากพืชซากสัตว์ ที่เป็นเครื่องเกาะของ รูป รส กลิ่นเสียง สัมผัส นั้น มันเป็นอาหารหยาบเพื่อใช้เลี้ยงกาย กายมันอาศัยซากเป็นเครื่องพยุงชีพ ส่วนจิตมันอาศัย สมมุติ จากอุปาทาน ในรูป รส กลิ่น เสียง เป็นเครื่องพยุงวัฏฏะ นี่..เราเรียกว่า อาหาร เป็นอาหารที่เป็นเหตุแห่งการก่อรูป จะดับรูป ก็ต้องไปดับที่อาหาร อาหารน้อย หรือไม่มี รูปก็ไม่มี คนที่เข้าใจถึงความจริงเช่นนี้ ในเรื่องของอาหาร ท่านก็จะไม่ยึดมั่นถือมั่น ว่าอาหารที่กินๆเข้าไป มันจะเป็นอะไร ขอแค่มันเป็นเครื่องช่วยพยุงสังขารให้ก้าวเข้าสู่มรรคผลได้ ท่านก็ยินดีแล้ว ทั้งเนื้อและพืช ต่างก็เป็นแค่เปลือกหยาบๆของอาหาร ตราบใดที่ยังยึดมั่น ใน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อารมณ์ อย่างไม่จางคลาย ต่อให้กินผักกินหญ้าเหมือนควาย มันก็เข้าไม่ถึงมรรคผล การที่เรา ไม่ฆ่า ไม่สั่งฆ่า หรือรู้เห็นเป็นใจในการฆ่า เอาแค่นี้ เราก็ไม่เบียดเบียนชีวิตใคร กินผัก แต่ยังขโมย ยังโกหก ยังเป็นชู้ ยังเมาเหล้า เช่นนี้ มันก็เหี้ยพอๆกับคนที่เขาฆ่าและกินเนื้อ ในอริยสัจ ท่านชี้ให้เห็นทุกข์ จากการที่เอาตัวตนเข้าไปตัดสิน เป็นผู้พ่ายกระแสใจ เรียกว่า สมุทัย เหตุแห่งสมุทัย คือตัณหาที่ผุดขึ้นมาไม่รู้จบจากใจดวงนี้นี่แหละ แล้วใจมันพ่ายแพ้ กำลังใจต้านมันน้อย สติปัญญามันอ่อน เหตุแห่งตัณหาจากใจดวงนี้ ก็อาศัย เวทนาทั้งหลายที่อาศัย ผัสสะ ที่เกิดจากช่องต่อ ทางตา หู ลิ้น จมูก กาย ใจ ของเรานี่ เป็นเหตุ ตาก็อาศัยรูป เป็นอาหารให้เกิดเวทนา หูก็อาศัยเสียงเป็นอาหารให้เกิดเวทนา ลิ้นก็อาศัยรส จมูกก็อาศัยกลิ่น กายก็อาศัยสัมผัส ใจก็อาศัยอารมณ์เป็นอาหารให้เกิดเวทนา ตัวที่แดกอาหารทางช่องต่อ ตา หู ลิ้น พวกนี้ก็คือจิต มันอาศัยการปรุงแต่ง ทาง ผัสสะที่มาจากช่องต่อเหล่านี้ มาเป็นเวทนา เวทนานี่ เป็นวิญญานตัวรู้สมมุติ ก่อนจะมีสมมุติ มันก็ผ่านการปรุงของกองนามขันธ์ คือ สัญญา เวทนา สังขาร วิญญาน เวทนาตัวแรก เมื่อผัสสะ เป็นอวิชา ผัสสะแล้วใช่จะรู้ว่าเป็นอะไร กองนามขันธ์จึงเกิดการปรุงแต่งขึ้นมา เมื่อผ่านกระบวนการแล้วเสร็จ ก็จะเป็นสมมุติที่เรียกกันว่า เวทนาที่มีวิญญานเข้าไปยึดสมมุติ จะเป็น เวทนา ทางตา หู ลิ้น จมูก กาย ใจ ก็เรียกเวทนา จะเป็นเวทนา ทาง รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อารมณ์ ก็เรียกว่าเวทนา เวทนาที่ผ่านกระบวนการทางนามขันธ์มาแล้ว เป็นอาหารที่เป็นเสบียงไปบันทึกไว้ในภวังจิต จิตอาศัยอาหารจากภวังค์ ไปเป็นวิบากเพื่อก่อรูปต่อไป นี่เป็นอาหาร ที่รูปอาศัย รูปในที่นี้คือ รูปต่อไป ที่จะไปก่อมาเป็นกายนี้ ในกองนามขันธ์ เมื่อแยกย่อยออกมาในกฏของอิธทัปปัจจยตาได้หัวข้อว่า รูป อาศัย อาหาร อาหาร อาศัย กรรม กรรม อาศัย ตัณหา ตัณหา อาศัย อวิชา อวิชา อาศัย รูป นี่ มันอาศัยวนเวียนเช่นนี้ ครบรอบเป็นวัฏฏ เป็นวงล้อแห่ง ปฏิจจสมุปบาท และเราทั้งหลาย หลงเวียนวนอยู่ในวงล้อนี้ ด้วยเหตุแห่งอาหาร ที่ทำให้จิตนี้ วนเวียนมาก่อรูปด้วยความไม่รู้จบ…!! เนื้อหนึ่งชิ้น ผักหนึ่งชิ้น คนโง่ย่อมเลือกกินเนื้อหรือกินผัก หรือแดกแม่งทั้งสองอย่าง ด้วยทิฏฐิและความคิดตน เนื้อและสัตว์มันเป็นแค่ซากกากอาหาร ที่เสมอกัน ไม่กินเนื้อ แต่ยังกิน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อารมณ์ แห่งผัก จะละเนื้อกินแค่ผัก มันก็ยังแดกอาหาร ที่มีมูลมาจากตัณหาที่เสมอกัน ทำโก้แบบโง่ๆว่ะคนเรา..!!!