ยึดตัวตน ก็หลงช่องต่อ

ยึดตัวตน ก็หลงช่องต่อ

808
0
แบ่งปัน

ธรรมชาติแห่งธรรมนั้น คือความเป็นธรรมดาของมันเช่นนั้น

การที่เรามักเอาสมมุติแห่งความคิดเราเข้าไปเติมแต่งมากไป

ความหมายและความเข้าใจก็จะเพี้ยนธรรมหนาแน่นมากขึ้น

สรรพสิ่งรอบตัวนี้ เป็นสมมุติความหมาย เกิดจากเรานี้ให้นิยามคุณค่า

หากเราไม่ทำความเข้าใจด้วยปัญญา เราก็จะหลงในสภาวะธรรมเหล่านี้ อย่างไม่รู้ตัว

ตา หู ลิ้น จมูก กาย ใจ เป็นช่องต่อแห่งผัสสะ

ผัสสะคือการกระทบกัน ระหว่าง ตากับรูป หูกับสียง จมูกกับกลิ่น ลิ้นกับรส อะไรอย่างนี้

เพราะความด้อยในปัญญา เราจึงมักเอาช่องต่อแห่งผัสสะ มาใช้งานหลงช่อง ด้วยเราคิดเอา

เรารู้ว่า ตามีหน้าที่เห็นรูป แต่เราไม่รู้ว่า หูมันมีหน้าที่เห็นเสียง

จมูกมีหน้าที่เห็นกลิ่น ลิ้นมีหน้าที่เห็นรส

กายมีหน้าที่เห็น ร้อน อ่อน แข็ง ใจมีหน้าที่เห็นอารมณ์

ตาไม่มีหน้าที่เห็น กลิ่น เห็นเสียง เห็นรส เห็นร้อน อ่อน แข็ง หรืออารมณ์

หูไม่มีหน้าที่เห็นแสง เห็นกลิ่น เห็นรส อ่อนแข็งหรืออารมณ์

จมูก ลิ้น ก็เช่นกัน ต่างมีหน้าที่ของตน ไม่ได้ก้าวล้ำล่วงเกินหน้าที่ช่องทางอื่น

มีแต่ใจดวงนี้นี่แหละที่มันหลง มันหลงช่องหลงหน้าที่ ที่เป็นเช่นนี้ เพราะใจดวงนี้ มันชอบเสือก เสือกที่ไปเป็นเจ้าของแม่งทุกเรื่อง

เคยได้ยินพวกจอมทิฏฐิพูดใหม ” หากไม่เห็นกับตา กูไม่เชื่อหรอก ”

พอลองด่าแม่มัน มันดันเชื่อเสียงด่าแม่ ทั้งๆที่ตามันก็ไม่ได้มองเห็นเสียงด่าแม่

แต่มันเสือกดันไปเชื่อเสียง ทั้งที่มันก็มองเสียงด้วยตาไม่เห็น

มันจึงแย้งและค้านกับใจตนที่พูดออกมา ว่าไม่เห็นกับตา กูไม่เชื่อ..

นี่เป็นสภาวะหลง เรียกว่าหลงช่องแห่งอายตนะ

อายตนะคือช่องต่อทางเข้าแห่งผัสสะ

การประพฤติธรรมของนักบวชเรา มันก็เลยโต่งๆอยู่เพียงช่องทางเดียว

เช่นไม่เอาทางกายกับผู้หญิง แต่ยังเอาทางตา ทางหู ทางลิ้น ทางใจ

ไม่เอารสชาติ แต่ยังเอาอารมณ์ เอาเสียง เอารูป เอากลิ่น นี่…อะไรอย่างนี้

นี่เขาเรียกว่ายังหลงช่องทางเข้า ยังติดอยู่แค่ประตูทางเข้า ยังเข้าไม่ถึงธรรมแห่งความเป็นจริงที่เป็นธรรมชาติ

มันเหมือนเรือที่รั่วอยู่หกรู เวลาปฏิบัติ เสือกอุดรูรั่วไว้แค่เดียว เพราะปัญญามีอยู่แค่นั้น

ไม่นานเรือมันก็จม มันจมเพราะอีกห้ามันรั่ว แต่อุดไม่เป็น และที่สำคัญมันไม่รู้ว่ารูมันรั่ว

เราจึงเห็นได้ว่า เดี๋ยวนี้ คนเรารู้ธรรมเยอะ แต่อุดรูอารมณ์ไม่ได้เลยซักอย่าง

ดีอยู่รูเดียว อุดอยู่รูเดียว อีกห้ารู รั่ว.ว.ว..ว.ว.ว ตลอด

หลวงพ่อท่านมาจากสกลนคร ท่านประพฤติปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ถือธุดงค์ ฉันมื้อเดียว

มุ่งเรื่อง อาหารเรปฏิกูลสัญญาเป็นหลัก ในการประพฤติปฏิบัติ

ท่านไม่เอาเรื่องรสชาติอาหาร พอรู้สึกอร่อยลิ้นหน่อย ท่านก็คายออก นี่..ทำมาเช่นนี้ ยี่สิบกว่าปี นี่..ท่านไม่เอารส

แต่พอเจอเสียงอร่อยๆของข้า ที่ว่า ให้สึกออกไปเย๊ดหีให้มันควย ดีกว่ามานั่งหลอกแดกอาหารชาวบ้านอย่างนี้ เท่านั้น

หลวงพ่อท่าน กระโดดตะครุบเสียงทันที เป็นฟืนเป็นไฟแทบจะเคี้ยวหัวข้าให้แหลกราญ

นี่พวกไม่เอารส แต่ยังเอาเสียง เอารูป เอากลิ่น เอาสัมผัส เอาอารมณ์

เรียกว่าเป็นนายเรือ ที่อุดรูรั่วเรือซะอย่างดี แต่ไม่รู้ว่า เรือที่ตนอาศัย ยังมีรูรั่วอยู่อีกห้ารู

เจอหินโสโครกกระแทกเข้าไป ถึงได้เจอรูรั่วที่บอดใบ้ ว่าตนเองผู้เป็นนายเรือ ไม่เคยได้ทำการอุดรูพวกนี้เลย มัวอุดแต่รูรสอย่างเดียว

พอเรือโดนกระแทกเข้าไป น้ำก็ทะลักเข้ามาจมเรือ ทางรูเสียงซะนี่

พวกเช่นนี้ แม้จะดูแลเรืออย่างดี ยังไงก็ล่องเรือไปไม่ถึงฝั่ง ไม่นานก็ต้องจมหาไปกับห้วงโอฆะมหานทีอยู่เช่นเดิม

นี่..คือปัญหาของนักปฏิบัติ ที่ขาดผู้ทรงคุณชี้ ขาดปัญญาทั่วพร้อม ว่าตามตำรา และคำบอกเล่าเป็นอุปาทาน

ยึดมั่นในผลและการปฏิบัติที่คับแคบ อย่างไม่ยอมวาง ยิ่งพรรษามาก ยิ่งเป็นครูบาอาจารย์ ยิ่งมีสมณะศักดิ์ มียศ ใจมันยิ่งไม่วาง

ลองทำหน้ากวนๆ ด่าชนชั้นอาจารย์ว่า ไอ้หน้าเหี้ยดูซิ ข้าว่าเป็นเรื่อง.