อาหารก่อรูป

อาหารก่อรูป

922
0
แบ่งปัน

ธรรมชาติของโลก ย่อมมีสัตว์ที่กินเนื้อและกินพืช

ที่กินเนื้ออย่างเดียวเพื่อยังชีพนี่ก็อย่างหนึ่ง

ที่กินพืชอย่างเดียวเพื่อยังชีพนี่ก็อย่างหนึ่ง

กินทั้งเนื้อกินทั้งพืชนี่ก็อย่างหนึ่ง

ธรรมชาติที่เป็นธรรมดามันมีมาเช่นนี้

เราจะไปเอาความคิดเรา เอาความเห็นเรา ว่านั่นผิด นี่ถูก อย่างนี้เลว

ความคิดผิดถูก เราเอามาใช้อบรมใจเรา เพื่อไม่ให้ใครเขาเดือดร้อน เช่นนี้นับว่าน่าสรรญเสริญ

การฆ่านี้ เป็นการเบียดเบียนชีวิต

แต่เราจะไปห้ามไม่ให้ใครอื่นเขาว่าอย่าฆ่านี่ ไม่ได้

มันจะกลายเป็นเสือกหนทางชีวิตของเขา เพราะเขาอาจไม่ฟัง

พุทธศาสนาชี้ให้เห็นหนทางหลากหลาย

เราเป็นผู้เลือกที่เดิน

ไม่ใช่เราเลือกที่จะเดินในหนทางใดแล้ว ทางอื่นมันจะเลวไปกว่าหนทางที่เราเลือก

พุทธศาสนาชี้ให้เห็นชัดถึงใจเขาใจเรา

หากเราเห็นชัดถึงใจเขาใจเรา นี่..เรียกว่ามีดวงตาเห็นธรรม เป็นผู้เข้าถึงธรรม

เป็นมนุษย์ขั้นศีล เรียกว่าพระโสดาบัน

พระโสดาบันคือชาวบ้านขั้นศีล ที่มีสติตรึกตรองการกระทำ ด้วยเหตุและผลใจเขาใจเรา

เราไม่ชอบเช่นไร เขาก็ไม่ต่างกับเรา

เรา..จึงไม่ควรไปทำกับเขา

เช่นนี้จึงนับว่าเป็นใจที่เห็นความเป็นธรรมดาเบื้องต้นของความเป็นจริง

เรามักจะเอาความเป็นตัวเรา ไปยัดเยียดให้กับเขา

เราจึงทำกับเขาได้โดยไม่ละอาย ไม่นึกว่าถ้าเขาทำเรา แล้วเราจะเป็นเช่นไร

คนที่ขาดสติ เห็นในมุมมองของเขา ที่มองมายังเรา ว่าต้องเป็นอย่างที่เขาเป็นอย่างที่เขาคิด แม้จะเรียนธรรมมากมายแค่ไหน มันก็ยังเป็นใจที่อัปปรีย์ชน

เป็นชนที่หนาแน่นด้วยอัตตา ยัดเยียดความเห็นตนให้ผู้อื่นเป็นอย่างที่ตนคิด

เราพึงมีสติเฝ้าระวังใจเรา ถ้าเขามาทำร้ายทำลายเรา มาขโมย มาโกหก มาเป็นชู้กับคนของเรา

เราย่อมไม่ชอบใจ เราไม่ชอบใจเช่นไร เขาก็ย่อมไม่ชอบใจเช่นกัน

เราจึงไม่ควรไปกระทำกับใครเขา

ผู้มีสติเช่นนี้เนืองนิตย์จนเป็นความเคยชิน

นี่..เรียกว่า เป็นผู้มีดวงตาเห็นธรรม ประคองจนกายแตกดับไป ใจเช่นนี้เรียกว่าพระ..โสดาบัน

เป็นผู้ปิดอบายภูมิ เรียกว่าเป็นผู้มี..ศีล

พุทธเรา เบื้องต้นเริ่มที่ตรงนี้ เริ่มตรงที่ ความละอายชั่วกลัวบาปนี่แหละ

ตัวธรรมจริงๆไม่ใช่อยู่ที่กินเนื้อหรือไม่กินเนื้อ

การกินเนื้อหรือไม่กินเนื้อ เป็นแค่เปลือกธรรม

ไม่กินเนื้อ แต่เพ่งโทษผู้อื่น อิจฉาริษยา ยึดนั่นนู่นนี่ มันก็เลว

กินเนื้อ แต่มีความละอายชั่วกลัว มีเหตุมีผลเข้าใจเขาเข้าใจเรา เช่นนี้เรียกว่าผู้มีศีล

เรื่องอาหารรูปนี่ ว่างๆ จะขยายธรรมออกมาให้ปรากฏ

อาหารรูปนี่ มันเป็นแค่กากซากศพ

แต่อาหารที่เกิดจากรูปที่เรียกว่าอาหาร มันเป็นอาหารแห่งจิตโน่น ไม่ใช่กากอาหารอย่างที่เราเข้าใจ

เช่น เนื้อทอด

ตามองเห็นเนื้อทอด นี่..เป็นอาหารทางรูป จิตมันกินทางนี้ จิตไม่ได้กินเนื้อ มันกินสัญญารูป มันกินเจตนาที่เป็นสังขารปรุงแต่งรูป มันกินเวทนา และวิญญาณ ที่รู้สึกในอัตตาแห่งความเป็นรูปที่มีอยู่ในอุปาทานสัญญา ที่เรียกว่าเนื้อทอด

นี่..อาหารทางตา ที่มันกินรูปเนื้อทอดที่เป็นอาหาร

ทางเสียง ทางกลิ่น ทางรส ทางสัมผัส ทางใจ ก็เป็นนัยเดียวกัน

นี่..เป็นอาหารที่จะเป็นเสบียงให้เกิดรูปต่อไป

ไม่ใช่เพราะเหตุแห่งการกินเนื้อหรือไม่กินเนื้อ

เนื้อนี่เป็นอาหารแห่งเสียง

กลิ่นเนื้อนี่เป็นอาหารแห่งจมูก อะไรอย่างนี้

นี่เป็นอาหารแห่งอุปาทานที่จะนำไปก่อรูปใหม่

นี่ว่ากันคร่าวๆ พอเป็นแนวทาง

อาหารเหล่านี้ เรียกว่าอุปาทาน มันเกิดจากตัณหาที่ผุดขึ้นมาจากใจดวงนี้ไม่รู้จบ

หากมีสติ ลด ละ เลิก ตัณหาเหล่านี้ นี่เป็นการเดินทางมรรค

วิบากที่จะไปก่อเป็นรูป มันก็จะทุเลาเบาบางลง

เพราะรูป อาศัย อาหาร อาหารหยาบๆอย่างที่เราเข้าใจนั้น ไม่ใช่ตัวพ้นทุกข์

แม้จะงดกินเนื้อหยาบๆ หรืองดอาหาร เมื่อกายหรือรูปนี้สลายไป วิญญานก็ไปก่อรูปใหม่ นี่..ใจนี้ก็ต้องกลับมาแสวงหาอาหารกินอีก มันไม่จบ

แต่อาหารที่ละเอียดกว่าตัวอุปาทาน ที่ใจมันมองไม่เห็น นี่คือ รูปกินทางตา รสที่กินทางลิ้น กลิ่นที่กินทางจมูก เสียงที่กินทางหู ร้อนอ่อนแข็งที่กินทางกระทบกาย อารมณ์ที่กินทางใจ

นี่ อาหารเหล่านี้ เป็นอาหารที่เป็นตัณหา เป็นอาหารที่หล่อเลี้ยงรูปที่จะมีมาวนเวียนมาเกิดเป็นรูปใหม่

เมื่อมีรูปใหม่ ความทุกข์ทั้งหลายก็หมุนเวียนมาเป็นวิบากที่รูปต้องเผชิญ โดยไม่รู้จบ

หากไม่ลด ละ เลิก ตัณหาเหล่านี้ ความทุกข์ที่เป็นตัวสมุทัย อันเป็นตัวเหตุทั้งหลาย ก็จะเกิดขึ้นให้ติตใจดวงนี้ ต้องเผชิญวิบากอย่างไม่รู้จบตลอดไป

อุปาทานนี่ อาศัยตัณหา ตัณหาอาศัยเวทนาความรู้สึกต่างๆ เวทนาอาศัยผัสสะ

ผัสสะอาศัย ตา หู ลิ้น จมูก กาย ใจเรานี่แหละ เป็นเหตุให้เกิดเสบียง

ฉนั้น ใครจะทานเนื้อไม่ทานเนื้อนี่ มันเป็นแค่เปลือก เพราะเนื้อนั้น มันแฝงอาหารจิต ที่มันกิน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อารมณ์ เป็นอาหาร เป็นเสบียงไปก่อรูป

ไม่กินเนื้อ แต่จิตมันกิน กลิ่น กินเสียง มันก็เป็นการอุดรูแค่รูเดียว

อุดอย่างนี้ ไม่นานเรือมันก็รั่วจนจม จากรูที่รั่วจากรูอื่นๆที่เจ้าของเสือกมองไม่เห็น

เจ้าของมองไม่เห็นสัจธรรมที่ว่า

รูป อาศัยอาหาร

อาหาร อาศัยกรรม

กรรม อาศัยตัณหา

ตัณหา อาศัยอวิชา

และที่สำคัญ อวิชามันอาศัยรูป

แล้วเราจะตัดอาหารที่รูปอาศัยได้อย่างไร..??

ก็ลองหัดใช้ปัญญาวินิจฉัยดู..!!

พระธรรมเทศนา จากบทธรรม เรื่อง “” กินเนื้อ เข้าใจว่าพระพุทธองค์ทรงห้าม “” ณ วันที่ 2 พฤษภาคม 2558 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง