ธรรมแห่งความเป็นเจ้าของ

ธรรมแห่งความเป็นเจ้าของ

576
0
แบ่งปัน

ขอสาธุคุณโมทนาให้มีแต่ความสุขความเจริญ

วันนี้นำเรื่องราวที่ถ่ายถอดไว้แบ่งออกเป็นสองท่อน จึงกลายมาเป็นท่อน ที่สาม และสี่

เช้านี้จึงได้แบ่งอ่านเป็นสองท่อนไป ที่จริงก็แค่ท่อนเดียวนี่แหละ

เราคนไทยยาวไป มันขี้เกียจน่ะ นี่….เป็นธรรมดาของเรา

พุทธศาสนานี่ เป็นวิถีแห่งปัญญา

เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่มวลมนุษย์ทั้งโลก สามารถเข้าถึงได้

ไอ้การแยกแยะลัทธินับถือนั้น มันเป็นเรื่องของความเชื่อความศรัทธา

ความเชื่อและศรัทธานี้ มันเป็นเรื่องของตัวบุคคล

ทุกคนย่อมมีสิทธิในหนทางที่จะคิด

เรา..โดนยัดเยียดมาตั้งแต่เป็นทารกให้เข้าศาสนาตามพ่อแม่

นี่..เมื่อพ่อแม่ถือผี เราก็ต้องถือผีด้วย

หากโตขึ้น เราเข้าใจแล้วตรงตามความเป็นจริง ว่าผีนี้ไม่ใช่ที่พึ่งอันเป็นที่เกษมใจเลย เราจะทำเช่นไร

หากเปลี่ยนเพราะความเห็นตรงของใจเรามันผิด

พ่อแม่ที่เชื่อผีก็ต้องถูก

ความถูกเหล่านี้ มันหล่อหลอมใจที่เห็นจริงเช่นนี้ได้หรือ

ความเห็นตรงเช่นนี้ มันเกิดขึ้นกับใจได้กับทุกๆ คน

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในร่องความเชื่อของศาสนาใด

แต่เมื่อมีความเห็นตรงขึ้นมาในใจตนเองเมื่อไหร่

นี่…เป็นภาวะของใจที่มีปัญญา

ปัญญาเช่นนี้ เป็นปัญญาที่เรียกว่า “ชาวพุทธ”

คำว่าชาวพุทธ ไม่ใช่ลัทธิ ที่ต้องเชื่อฟังกันเพราะเหตุแห่งการโดนยัดเยียดเป็นเหต

คำว่า “พุทธะ” เป็นของทุกๆ คนบนโลกใบนี้

ฤษีนับถือผี นับถือเทพ เมื่อเข้าถึงความเห็นตรง

เรายังยกย่องว่า นี่เป็น ” พระปัจเจก พระพุทธเจ้า ”

ฉะนั้น..คำว่าธรรม จึงเป็นอิสระและเป็นธรรมดาเกิดขึ้นใด้กับใจของมนุษย์ทุกๆ คน

อย่ามายัดเยียดธรรม ว่าของฉันถูก ของมึงผิด ด้วยความคิดเหี้ยๆ ที่เป็นอัตตาตัวตนของสันดานเลวๆ อัปปรีย์จัญไรกับใครอีกเลย..

>> : พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง วันหลังอยากให้พระอาจารย์อธิบายเรื่องของพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุให้อ่านหน่อย ทำไมคนสมัยนี้มันยึดกันจัง ความเป็นผู้สิ้นสงสัยจำเป็นด้วยหรือที่อัฐิต้องเป็นพระธาตุ

<< พระอาจารย์ : เรื่องพระธาตุนี่ อธิบายไปแล้ว Amarin Prachusilpa

พวกยึดพระธาตุมันก็ถวายตีนมาให้เกือบทั้งประเทศ

พอดีข้าหน้าด้านทนตีนได้ ไม่งั้นปากคอคงเขียวช้ำแก้มตุ่ยด้วยเหตุแห่งความ ไม่พอพระทัยของเหล่าสาวกพระธาตุ

เรื่องพระธาตุนี่ เอาแค่เรื่องพระเขี้ยวแก้วก็แล้วกัน

มันมีกันหลายที่ ฟังๆ ดูสับสนสิ้นดี

ทั้งของจีน อินเดีย ศรีลังกา พม่า ของเขาต่างมี

และที่มี เขาบอกว่านี่เป็นของแท้

ที่จริงจะแท้ไม่แท้จะจริงไม่จริง

เรากราบไหว้นอบน้อมใจลงได้ทั้งนั้นแหละ

มันเป็นวัตถุสมมุติ เป็นตัวแทนในการเป็นที่ตั้งแห่งใจ

เป็นแค่เปลือกที่รักษาไว้แห่งสัจจธรรม แต่ไม่ใช่เป็นตัวสัจจธรรม ที่จะให้มรรคผลใดๆ ต่อใจใครได้

ชาวพุทธงมงายวัตถุมีมากมาย

อันไหนใช่ไม่ใช่ ไม่เป็นไรแม้สิ่งนั้นจะใช่

แต่ใจนี้ไม่ได้ใส่ใจ สิ่งที่ว่าใช่ก็เป็นแค่ขยะที่ใจเราไม่ต้องการก็แค่นั้นเอง

การอยู่อย่างเซนนี่ เป็นการอยู่อย่างวิถีพุทธ ที่เข้าถึงมรรคผลแล้ว

เซนนี่ มาจากความหมายแปลว่า ” ฌาน”

ฌานนี่ เป็นความหมายว่า เคยชิน เป็นปกติที่มีความเคยชิน

ส่วน ” ญาน” นี่เป็นความรู้แจ้งในปัญญาที่อาศัย ฌานเกิด

วิถีเซนนี่ เป็นวิถีการดำเนินด้วยตรรกะแห่งความเป็นธรรมดา ที่รู้แจ้งถึงความเป็นธรรมดาในธรรมชาติทั้งปวง

นี่คือ “ตถาตา” เป็นความหมายของนักบวชผู้บำเพ็ญตนจนบรรลุธรรมในสายทางพระป่า

เป็นเครื่องอยู่ เป็นวิหารธรรม ของผู้ทรงคุณ

จุดมุ่งหมายและนิยามแห่งเซน เป็นภูมิแห่งผู้มีปัญญา

ปัญหาที่เหล่าโยคาวจรแห่งเซนไม่รู้ก็คือ

เสือกทำตัวเข้าไปเป็นเจ้าของแห่งนิยามที่เลอค่านั้น

และมันเป็นธรรมดาเสียด้วย ที่กาลผ่านไป การพอกพูนวิสัยแห่งการคิดเอ

มันขยายความเป็นตัวกูที่คิดเอา

ไม่แตกต่างไปจาก กิ่งก้านหน่อใบแขนงอื่น ที่ต่างออกรวงชูช่อด้วยปุ๋ยเคมี

ไอ้คนแดกก็แดกเคมีอันแสนหอมหวาน

ความเป็นกูที่เป็นเคมีแห่งนิยาม

มันสร้างความหวานให้แก่ผล

เพียงแต่ผลที่ฉ่ำวามหวาน

มันเป็นเหตุแห่งการก่อเกิดเนื้อร้ายที่เป็นมะเร็ง

และพุทธเรา…มะเร็งกำลังแพร่ระบาดขยายใหญ่โต..!!

พระธรรมเทศนาจากบทธรรม เรื่อง ” วิถีเซ็น ท่อนสี่ ” ณ วันที่ 16 เมษายน 2558 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง