>> ลูกศิษย์ : ยถาให้ผี สัพพีให้คน // ในมุมมองที่แตกต่าง เมื่อพระขึ้นยถา เราชาวพุทธ ควรตั้งจิตอธิษฐาน รินน้ำใส่ภาชนะรองรับ ด้วยการสำรวมจิต ให้มั่นคง ริินน้ำเป็นสายมิให้ขาด (ฝึกการสำรวมจิต ไปในตัว) การท่องบริกรรม ไม่สมควร รบกวนสมาธิพระด้วย แบบศาสนพิธี ก็เรียนมาแบบนั้นครับ พอพระรูปที่ 2 ขึ้นสัพพี เราก็พนมมือรับพร พระแบบนี้ ใช้ได้ ทั้งรัฐพิธี ราชพิธี และชาวบ้านทั่วไปครับ หาใช่บ้านนอก ทั่วไปที่ทำ
<< พระอาจารย์ : พึ่งว่างเล็กน้อย ขอกล่าวตอบอะไรซักหน่อย
คำว่าพระบ้านนอกนี่ ไม่ใช่ไปกล่าวว่า พระที่ไม่ได้อยู่ในเมืองหรื
แต่เป็นความหมายว่า ทำอะไรอธิบายอะไรด้วยความไม
ไม่ใช่ไปให้ความหมายว่า เป็นพระที่ไม่อยู่ในสังคมเม
จะเป็นพระในเมือง พระมีการศึกษา แต่ไม่ยอมรับความฉลาดน้อยขอ
คำพูดบางคำ มันก็พูดไปเอามันเข้าว่า พวกนี้มันชี้ไม่ตรง ชี้ไปตามความรู้สึกนึกคิด และชอบพูดเป็นวลีคำ อย่างเช่น
ยถาเป็นของผี สัพพีเป็นของคน ไอ้คำว่ายถานี้ มันเป็นคำเปรียบเปรย แสดงอุปมา
ส่วนสัพพีนี้ กล่าวถึงสรรพสิ่งที่ไม่ดี พึงพินาศไป อะไรอย่างนี้
มันเป็นกลอนคำวลีบาลี ที่ใช้ท่องกัน ในการเปรียบเปรยและร้องขอ
เหมือนกับพระท่านกล่าวให้ฟั
แต่คำบาลี เราฟังไม่รู้เรื่อง ยอมรับเหอะว่า เรากำลังทำพฤติกรรมที่กำลัง
หรือเป็นพระแล้วให้พร ภาษาไทยไม่เป็น ให้พรแล้วมีใครเอามานั่งแปล
เณรก็ใช้ พระก็ใช้ รับบาตรเสร็จก็ท่องส่งๆกันไ
ภาษาบาลีคงไว้เพื่อแปลมาเป็
นี่แปลแล้วรู้แล้ว แต่ดันเอาสิ่งที่คนอื่นไม่ร
ธรรมก็เหมือนกัน พูดขยายออกมาให้คนมันเข้าใจ
การที่พระให้พรหรือขึ้นยถา ไม่ควรทำอะไรทั้งนั้น ควรน้อมรับด้วยความตั้งใจ นี่คือความเป็นศิวิไลซ์แห่ง
พระพูดแล้วเราก็พูด แล้วใครจะเป็นคนฟัง ผลมันก็แสดงอยู่ ว่าต่างคนต่างพูด ดูกันตรงนี้ไม่เห็นหรือ
จะเรียนมาจะจำมา หรือรู้มาอย่างไร ก็ลองมาใช้สติปัญญาตรึกตรอง
ใช่ว่าเมื่อจำมารู้มา พระเขาชี้พระเขาสอน ทั้งที่ผลมันแสดงอยู่ ว่ามันต่างคนต่างพูด ไม่มีคนฟัง เราพูดเรื่องของเรา เขาพูดเรื่องของเขา อย่างนี่ถ้ายังเห็นเป็นการก
พระนี่แหละตัวดีนัก ยิ่งแก่ยิ่งยึด บวชนานแล้วยิ่งยึดจัดหากขาด
ทีนี้พระก็หลับหูหลับตาว่าก
กลัวไม่ขลัง กลัวไม่ถึง กลัวผีฟังไม่รู้เรื่อง พุทธชี้มาทางปัญญา แต่พระชี้มาทางยึด ให้ทำแต่เรื่องโง่ๆ เรามันบ้าศาสนพิธี บ้าพิธีการ การสวดเป็นทำนอง จึงเกิดเป็นอาชีพขึ้นมา ใครบวชมาสวดไม่ได้ กลายเป็นไอ้โง่ในฝูงหมา มันงับเอาด้วยวาทะ ว่าไม่ใช่พระถ้าท่องอะไรหาก
ข้านี่..อยู่ป่ามา ท่องอะไรไม่เป็น ไม่เคยไปสวดศพ ไม่เคยไปทำพิธี ไม่เคยเรียนบาลี ไม่ได้บ้าอะไรตามตำรา มันก็รู้ธรรมอย่างอาจหาญขึ้
ธรรมในหนังสือตำรามีเท่าไหร
ถอยออกมาดูความจริงๆกันซิ ว่าเรากระทำอะไรที่มันตลกแล
แค่ให้ถอยออกมาดูความจริง เมื่อรู้แล้ว ก็ค่อยกลับไปทำต่อ อย่างที่คนเขาทำๆกัน อย่างนี้ไม่เป็นไร ทำแบบโง่ๆอย่างคนเขาไป ไม่ใช่ไม่ทำ แม้จะเข้าใจว่าเป็นเรื่องโง
สังคมเขาเป็นกันอย่างนั้น เราก็ว่ากันตามๆเขาไป ว่าตามๆกันไปด้วยความเป็นผู
คนยอมโง่ด้วยความรู้ กับ คนโง่ด้วยความไม่รู้ เราจะเลือกเป็นคนแบบไหน…!
พระธรรมเทศนา จากบทธรรม เรื่อง ท่องแข่งกับพระให้พร… ณ วันที่ 11 สิงหาคม 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง