ใบไม้แห่งความพลัดพราก ท่อนที่ 3

ใบไม้แห่งความพลัดพราก ท่อนที่ 3

1066
0
แบ่งปัน

OLYMPUS DIGITAL CAMERAหายไปหลายวัน นี่โม้ไปเมื่อสองวันก่อน เพิ่งนำมาลง แต่โดนกวนซะก่อน จึงยังไม่จบอีก..!!

หวัดดี จะสองทุ่มแล้ว นี่..เพิ่งถากหัว หัวยังเย็นอยู่ วันนี้ มาโม้ เรื่องผีท่านอั๋นต่อ หยุดยาวมาหลายวัน โม้ถึงไหนแล้ว ก็ไม่รู้

อ้อ..วันนั้น เมื่อกลับมาจากบิณฑบาตร ก็เอาอาหาร มาเก็บไว้ที่โต๊ะ แล้วจึงออกไปนั่งเพ่ง พระอาทิตย์ ยามเช้า เพ่งทุกวันเป็นปกติ

แล้วจึงกลับมาฉันข้าว ราวๆ 9 โมง ใจก็ครุ่นคิด ไปว่า จะเทศน์ยังไง ให้ผีมันยอมดี ให้ผีมันยอมรับว่า ผีนั้น ไม่มีอะไรเหลือให้ยึดได้แล้ว ในโลกปัจจุบัน

เมื่อลงมากวาดใบไม้ เห็นใบโพธิ์ หล่นอยู่กราดเกลื่อน จึงนึกอุบายจิตได้ ข้าจึงเก็บเอาใบโพธิ์ ขึ้นมาเก็บไว้ หกเจ็ดใบ

ตอนก่อนเที่ยง ข้าได้เชิญ คุณลุงปลัด ที่แกเก่งทางธรรม และจบมหาเปรียญ 6 ประโยค มาเป็นสักขีพยานให้ข้า

หากว่า ข้าเทศน์ธรรมแล้วผิดไปจาก พระธรรมวินัย พระสูตร พระอภิธรรม ตามที่แกรู้มา ขอให้แย้งทันที

คุณลุงปลัด แกยินดี มาร่วมนั่งฟังธรรม แต่แกไม่รู้หรอกว่า คนทีแกนั่งร่วมฟังอยู่ด้วยนั้น ไม่ใช่เจ้าแก้ว แต่เป็นผีท่านอั๋น ผัวเก่าเจ้าแก้ว

ข้าพูดให้ผีฟังเกี่ยวกับเรื่องธาตุ ที่มาประกอบกันเป็นรูป แยกไปตามสัดส่วน แห่งธาตุ ที่มีหลากหลาย และทำหน้าที่แตกต่างกันออกไป

เมื่อพูดมาถึงธาตุไฟ เจ้าแก้ว ก็ร้องไห้ โฮๆๆๆ น้ำตาแตก นองหน้าสะอึกสะอื้นร่ำให้ ลุงปลัด แกเหล่แล้วเหล่อีก ว่าเจ้าแก้ว มันร้องไห้อย่างหนักทำไม

ลุงแกไม่รู้ ว่าที่ร้องโฮๆๆๆ นั้น เป็นผีท่านอั๋น ที่ร้องเพราะข้าพูดให้ฟัง ถึงธาตุไฟ ที่มันดับ เพราะขาดธาตุลม กายที่มันขาดลม

ทำให้ ธาตุไฟ ที่เป็นตัวหล่อเลี้ยงชีวิต ไม่ให้เนื้อหนังบูดเน่า และเผาผลาญอาหาร ให้ความอบอุ่น แก่ความรู้สึก

ทำให้ ชีวิต สิ้นสลาย ไม่สามารถ จะก่อกำเนิด มาเป็นเช่นเดิมได้ ท่านอั๋นก็เหมือนกัน ธาตุไฟ มันได้ดับไปแล้ว

มันไม่สามารถ กลับมาก่อเกิด เป็นท่านอั๋นได้อีกแล้ว ยอมรับได้ไหม ขอตัวเดี๋ยว… เสียงเขาโม้กันในเฟส รบกวนการเทศน์ มันดังตลอดเวลา

นี่แหละ คือเหตุทำให้ ผีท่านอั๋น ร้องไห้โฮๆๆๆ เมื่อผี เข้าถึงความเป็นจริงแห่งการดับได้ ข้าก็พุ่งเข้าประเด็น

ประเด็นที่ข้าจะเทศน์ให้ผีฟัง ก็คือ การจาก การพราก ในวัยแห่งกาลต่างๆ แต่วันนี้ เสียงรบกวนเข้ามามาก ธรรมไม่ลื่นไหล ขอเป็กไว้ พรุ่งนี้ ตอนยามว่าง หวัดดีนะครับ

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง