แช่อยู่กับกูรู้ๆๆ มันก็ไม่ต่างกับบอดคลำช้าง

แช่อยู่กับกูรู้ๆๆ มันก็ไม่ต่างกับบอดคลำช้าง

725
0
แบ่งปัน

ผู้มีมันสมองอย่างปราชญ์เปรื่อง แต่ไร้ปัญญานำมาใช้ให้สมภูมิ

มันก็ไม่แตกต่างอะไรกับคนโง่ที่ไร้สมอง

คนตาดี แต่มองไม่เห็นความเลวตน นี่….ก็เป็นชนที่ไม่ต่างอะไรกับคนตาบอด..!!

คนตาบอด ที่ยังฟังคำบอกของคนตาดี ยังพอคลำทางได้ไม่ถึงกับมืดบอด

คนตาบอดดื้อด้าน สำคัญตน ย่อมอับจนด้วยใจที่บอดหนักกว่าตาที่มองไม่เห็น

ตาบอดคนหนึ่ง ได้ฟังความจากคนตาดี ว่าช้างนี้มันตัวใหญ่

เอ…ทำยังไง อยากเห็นช้างตัวใหญ่อย่างคนตาดี

ตาไม่มี จะเห็นได้ไง

แต่ไม่เป็นไรขอใช้มือคลำเอา ขอแค่คลำเอา ก็จะรู้ว่าช้างมันเป็นยังไง

นี่… ชายตาบอดจึงขอร้องคนตาดีให้ช่วยพาไปหาช้างที ขอจับขอคลำขอดมสัมผัสซักที ว่าช้างนี้ มันตัวยังไง

ชายตาดีรับคำ อยากสงเคราะห์ชายตาบอด

นำชายตาบอดค่อยๆ เดินออกไปหาช้าง

เจ้าช้างใหญ่นอนอยู่ ดูใหญ่โตใต้ร่มไม้

ชายตาบอดแสนดีใจ วันนี้ยังไงเขาก็จะได้รู้จักช้างกันเสียที ค่อยเดินเข้าไปใกล้ ชายตาดีจูงเข้าไปหา

ช้างใหญ่ผงกหัวขึ้นมา เห็นว่าไม่เป็นไรจึงนอนให้คลำ สองมือคนตาบอดลูบคลำไปตามพุงช้าง

จับไปคลำไปจนสุดแขนกว้าง ช้างนี่มันช่างใหญโตมโหฬาร

ตาบอดคลำช้างเข้าใจแล้วว่า… เจ้าช้างที่ใครๆ เขาพูดที่ตนเองก็ได้ฟังมา

ที่แท้ช้างมันตัวคล้ายๆ ฝาบ้านคนเรานี่เอง

อ้อ..ดีละๆๆๆ ที่สุดก็รู้ถึงความเป็นจริงเสียที

ชายตาบอดกลับมาถึงบ้าน

เธอได้พร่ำพรรณาให้เพื่อนตาบอดฟัง ว่าช้างนั้น เป็นดุจดังผนังเรือนใหญ่

เพื่อนตาบอดฟัง ก็แสนจะตื่นตาตื่นใจ ทำยังไงตนจึงจะไคร่ได้เห็นบ้าง

จึงขอร้องให้ชายตาดีพาตนออกไปหาช้างใหญ่ ที่เป็นผนังบ้าน

ขอจับช้างตามเพื่อนบอดที่เล่าขารว่า ช้างนั้นหนา ตัวมันแสนใหญ่คล้ายผนังเรือน

ชายตาดีนำออกไปหาช้าง มาอีกแล้วเจ้าช้างเห็น จึงยืนขึ้น

ชายตาบอดเข้าไปใกล้ ยื่นมือไปได้ลูบไล้จับคลำขาช้าง

เอ..นี่มันช้างแน่หรือ คนตาดีบอกว่านี่แหละช้าง

ชายตาบอดลูบคลำแล้วลูบคลำอีก นี่มันไม่เหมือนผนังบ้านผน้งเรือนอะไรเลยนี่

ช้างนี่มันเหมือนเสาเรือนต่างหาก ไม่ใช่เหมือนผนังเรือน มันหลอกกูๆๆๆ

จับและลูบคลำจนแน่ชัด ว่าช้างนี้มันไม่ต่างไปจากนี้

กูรู้แล้วๆๆๆ หนอยเจ้าจัญไรตัวดี แสนอัปรีย์ มาหลอกกูว่าช้าง เป็นเหมือนผนังเรือน

เจ้าตาบอดอีกคนได้ฟังความ อีกคนเล่าขานว่าช้างเป็นดั่งผนังเรือน

อีกคนว่าช้างเป็นดั่งเสาเรือน

เอะ..ตกลงเจ้าช้างนี้ ตัวมันเป็นยังไงแน่

ขอแสดงตนเข้าไปแก้ข้อสงสัยด้วยตนเองจะได้ไหม

จึงแอบบอกคนตาดี ช่วยเอาต้วข้านี้ ไปหาช้างหน่อย

ฉันนี้แหละ จะยืนยันให้ทุกคนได้รู้ตรงตามความเป็นจริง

ว่าช้างนี้ ตัวตนเช่นไร ฉันจะไม้หลอกใครจะขอพูดแต่ความจริง

เจ้าตาบอดผู้ทรงคุณ ขอพิสูจน์ช้าง ดันไปจับเอาหาง

โทสะทั้งหลายก็บังเกิดขึ้นในใจ

กูรู้แล้วๆๆๆๆ ไอ้พวกชิบหาย ไอ้พวกตาส้นตีน ช้างนี้เป็นเหมือนไม้กวาดตะหาก

หนอย..มันมาหลอกกันได้ ว่าช้างเป็นเหมือน สาเรือน ผนังเรือนไปโน่น

ทำไมต้องมาหลอกกัน นี่ถ้าฉันไม่มาพิสูจน์ด้วยตัวฉัน โลกก็คงไม่รู้ตรงตามความเป็นจริง

ว่าไอ้จัญไรทั้งสองคนนั้น มันหลอกลวงเอา

เสียงกระหึ่มของชายตาบอด ที่ต่างยืนยันความคิดตน เข้าสู่หูคนตาบอดอื่น

โอ้ว..ตกลง ช้างนี้ตัวตนมันเป็นยังไงแน่

มาๆๆๆ ข้านี่แหละ ขอไปยืนยันเอง ขอให้พี่น้องทุกคนจงเชื่อข้า

เราจะได้มารู้จริงๆ ซะที่ว่า เจ้าช้างที่ว่านี้ มันเป็นดั่งเสาเรือน ผนังเรือน หรือไม้กวาดตามที่เขาว่ากันแน่

ข้านี่แหละ จะเป็นตัวแทนยืนยันการพิสูจน์

จึงขอร้องให้คนตาดี พาออกไปหาช้าง

ช้างยืนตาปรือทำหน้าเซ็ง มาอีกแล้ว ไอ้พวกบ้าชอบมาลูบจับคลำตัวกู

จึงยื่นงวงออกไล่ให้มันไปๆ ซะ

เจ้าตาบอดคว้างวงได้ ลูบๆ คลำๆดู

อ้อ..นี่น่ะหรือ ที่เขาเรียกว่า…ช้าง

มันกวัดแกว่งดั่งท่อยางที่ยาวใหญ่

เสาก็ไม่ใช่ ผนังเรือนก็ไม่ใช่ ยิ่งไม้กวาด ยิ่งไม่ใช่ไปกันใหญ่อะไรเลย

กูรู้แล้วๆๆๆๆ ช้างมันคล้ายดั่งตัวปลิงใหญ่ๆ อย่างนี้นี่เอง

ชายตาบอดอีกคน ฟังความแล้ว แต่ละคนทำไมถึงว่าช้างไม่เหมือนกัน

ช้างนั้นตัวประหลาดจัง แต่ละคนทำไมพูดไม่เหมือน

ยังไงขอให้ฉันได้พิสูจน์ตรวจตราดูซักครา ขอพิสูจน์ความจริงว่า ช้างนี้ ตัวตนมันเช่นไร

เอาค่าจ้างบอกให้ชายตาดี ออกไปหาช้าง

พอไปถึงดันจับได้ตรงหูช้างที่กว้างใหญ่ อ้อ…กูรู้แล้วๆๆๆๆ ช้างนี้มันเป็นอย่างนี้นี่เองหนอ

เจ้าสี่คนนั่น มันช่างเป็นคนกำมะลอ

มาบอกมาหลอกล่อ ว่าช้างนี้ ดั่งเสาเรือน

ความจริงมันยืนยันประจักษ์ชัด

ว่าเจ้าสัตว์ที่เรียกว่าช้าง มันเป็นอย่างนี้

ลูบๆๆๆๆ จับๆๆๆคลำๆๆๆ ให้มั่นใจดูอีกที

กูรู้แล้วๆๆๆๆ ว่าช้างนี้ มันเหมือนกระด้งถาดฝัดข้าว

ที่สุด… ชายตาบอดทั้งห้า ก็มาอวดเล่าว่า ช้างจริงๆ นั้นเป็นเช่นไรใต้ต้นมะกอกใหญ่

ต่างก็ถกเถียงกันไป ไม่ยอมกัน เพราะ…กูรู้

อีกคนบอกว่า มันเป็นเสาเรือนซิ มิใช่กระด้งให้เชื่อกู

อีกคนบอกว่า ไม่ใช่ๆๆๆ มันเป็นดั่งปลิงใหญ่ต่างหาก กูรู้มึงอย่างเถียง

อีกคนบอกเขาไปพิสูจน์ออกมาแล้ว มันเป็นดั่งไม้กวาดแถวบ้านที่เราใช้

นี่คือความจริง ที่ไม่ไดหลอกลวงใคร อย่ามาพูดให้อาย กูรู้แล้วๆๆๆ

เจ้าคนแรกก็ยืนยันว่าช้างเป็นดุจดังผนังเรือน

ต่างฝ่ายต่างมั่นใจ ในช้างที่ตนได้ไปสัมผัส ได้ไปเรียนรู้ ได้ไปจับดู

ได้ไปรู้ได้ไปจำ ได้ไปพิสูจน์ด้วยตัวตน ใครอย่ามาหลอกกันให้ยากเลย

เถียงกันไปยืนยันกันมา มะกอกบ้ามันหล่นใส่หัว

เจ้าตัวเอามือคลำหัวซูดปาก นี่มึงเขกกระบาลกูรึไง

ว่าแล้วจึงซัดตูมเข้าไปให้ แต่มือดันไปโดนอีกคนหน้าหงาย เพราะบอด

อ้าว..นี่มันเถียงไม่ได้แล้วมาพาลเอานี่หว่า

ต่างฝ่ายเลยลุกขึ้นมาฟัดกันนัวเนีย เหมือนเหี้ยกัด

คนตาดีผ่านมาเห็นฝุ่นเหมือนหมาฟัด

อ้อ..พวกตาบอดมันฟัดกัดกัน ไม่ใช่หมา

จึงร้องว่า อย่ากัดกันๆๆๆๆ ไม่ใช่หมา

ฟัดกันเหมือนหมากันทำไม ไม่อายเหี้ยเหรอ

คนตาดีฟังความว่า ที่ฟัดกัน เพราะอีกฝ่ายไม่ยอมกัน จึงเขกหัวไอ้เพื่อนเกลอ

อีกฝ่ายบอกไม่ได้เขก แต่พวกมันนั้นแหละเผลอ มาต่อยฉัน

คนตาดีเห็นมะกอกก็รู้ทัน

ว่าที่ต่อยกัน เกิดจากมะกอก ไม่ใช่ใคร

ขอให้อภัยซึ่งกันและกันเหอะ อย่าทะเลาะกันเลย

จึงถามไปว่าต่อยกันทำไมนี่

คนตาบอดชี้ว่าเจ้าพวกนี่มันหลอกฉัน

บอกว่าช้างนี้ เป็นนั่นนี่ไม่ตรงกัน

พอฉันบอกก็ไม่ฟัง ไม่เชื่อฉัน ว่าฉันนี้ไปพิสูจน์มา

ต่างคนก็ต่างบอก และยืนยัน

ว่าช้างฉันเป็นเช่นนี้ ไม่มีเพี้ยน

ทั้งจับมาคลำมา ใช่นั่งเทียน

จะให้เพี้ยนจากความจริงนี่ รับไม่ได้เลย

คนตาดีบอกว่า ช้างน่ะ ไม่ได้เป็นเช่นนั้นหรอก

พวกแกน่ะเข้าใจผิดกันทุกคน ช้างไม่ได้เป็นอย่างน้าน

ชายตาบอด ต่างร้อง เฮ้ย…. นี่แกตาดีจริงๆ เหรอ

ช้างนี้มันต้องเป็นอย่างนี้ๆๆๆ ซิ จะไม่ใช่ได้ไง

ที่สุด… ทั้งคนตาดีและคนตาบอดต่างก็เถียงกันเรื่องช้างกันอีก

นี่ คนตาดีที่ไปเถียงกับคนตาบอด

มันก็คือไอ้บอด ที่ไปเถียงกับคนใจบอดทีมันไม่ยอมรับว่าไอ้นี่ ตามันดี

คนตาบอดที่ใจบอด อย่าไปชี้

คนตาดีที่ยังชี้ รู้ทั้งรู้ว่าเขายังบอดแต่ยังชอบที่จะชี้ คนตาบอดที่แท้จริงก็คือคนตาดี

นี่… ปัญญามันบอด ทั้งๆ ที่รู้ว่าตาเขาบอดก็ยังเสือกชี้

คนตาดีควรชี้คนตาบอดที่ยอมรับว่าบอดนั่นละดี

คนตาดีชี้คนตาบอดที่ใจบอด นี่ล่ะซวย

กูรู้แล้วนี่ ทำคนดีๆ ให้เป็นคนตาบอด

ส่วนคนตาบอด กูรู้แล้ว มันจะทำให้เป็นคนใจบอด

คนใจบอด เป็นเจ้าของ กูรู้แล้ว ยิ่งมืดบอดไม่ฟังใคร

คนไม่ฟ้งใคร มันดิ่งลึกลงไปสู่ความมืดมิดสนิทไกลไม่มีตื่น

นี่..กูรู้แล้วๆๆๆๆ เป็นเหตุขวางทางสว่างแห่งปัญญา

เช้านี้ฟังกันหนุกๆ กันแค่นี้ ขอความดีทั้งหลายจงสถิตย์ลงกลางดวงใจเราทุกคน

ขอสาธุคุณ

พระธรรมเทศนา จากบทธรรม เรื่อง ” อุปสรรคแห่งมรรคผลคือ กูรู้แล้ว ” ณ วันที่ 2 เมษายน 2558 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง