ใจคน..มันอยู่ตรงไหน

ใจคน..มันอยู่ตรงไหน

1334
0
แบ่งปัน

…น้องๆ ได้พูดคุย เกี่ยวกับ ความเสือกของใจเรา ข้าจึงนำมาขยายเล่าสู่กันฟังอย่างวิสัยป่าๆ ที่ชอบเสือก

ใจคน..มันอยู่ตรงไหน<< ” ช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวไปปิด…มันจะมิดได้ยังไง  เราควรดูอยู่เฉยๆ ไม่ไปยุ่ง กับซากช้างที่ตาย และ ไม่เข้าไปเสือก หากใครจะเอาใบบัวไปปิด ซากช้าง ”

เพราะมันเป็นเรื่อง ของซากช้างกับใบบัว มันไม่ใช่เรื่องของเรา ที่จะเข้าไป….เสือก สาาาาธุ

++ ” ช้างตายทั้งตัวใครว่าเอาใบบัวปิดไม่มิด พี่ว่ามิด…”

<< ” มิดเพราะแกเอาใบบัวหลายๆ  ใบปิดนะสิ  55 ”

++ ” มันยังไม่ถึงกับเน่า มันถึงปิดมิดได้ แต่เกิดเน่า ขึ้นมาส่งกลิ่นเหม็น นี่…ตัวใครตัวมันนะครับพี่แสง ผมคงไปก่อน..หึหึหึ ”
<< ” ไม่ไช่พี่ ก็เอาใบบัวมาปิดที่ตาเราสิพี่มันก็ไม่เห็นแล้ว  555 ”

>>…  ตลกๆๆๆ เอาใบบัวมาปิดที่ตา เราก็มองไม่เห็น แต่แกปิดกลิ่น ปิดเสียง ปิดความรู้สึกได้เร๊อะ ดอกสร้อย

มันต้องเอาใบบัวมาปิดที่ ใจนี่    ว่าอย่าเอาใจ ส่งความรู้สึกผ่านช่องไหน เข้าไปเสือก…

ฮ่าๆๆๆๆ……..จุก

++   ” สาธุ… ปิดที่ใจ อย่าว่าแต่ตัวเดี่ยว..ตายสิบต้วก็ปิด มิดเลย…… ”

>>…  ” เออๆๆๆๆ ปิดที่ใจนั้นเข้าท่าๆๆๆ

ปัญหาคือ…ใจเรานั้น มันอยู่ตรงไหน นี่..จะได้เอาไปปิดถูก

เรามักพูดว่า อะไรๆๆๆๆ  ก็เกิดที่ใจ ดับก็ให้ดับที่ใจ

เหมือนกองไฟ มันต้องมองเห็นกองไฟซิ เราจึงจะไปดับไฟได้

บอกให้ไปดับไฟ แล้วไฟ..มันอยู่ที่ตรงไหน

ใจก็เหมือนกัน ให้เอาใบบัวมาปิดที่ใจ

คุคุคุ แล้วใจ..มันอยู่ตรงไหน..!!!! ”

<< ” ใจไม่มีตัวไม่มีตน ไม่มีที่อยู่ที่แน่นอนใจเป็นอากาศธาตุ ทางประสาทของช่องต่อ ทางเข้าทั้ง 6  เมื่อเกิดผัสสะ แล้วเกิดอาการตัดสิน ชอบ ไม่ชอบ ถูกใจ ไม่ถูกใจ ตรงที่ตัดสินนี่รึเปล่าครับ ที่อยู่ของใจ ”

++ ” ดังคำพระท่านว่าไว้ให้ ปิดหู ปิดตา ปิดปาก เยอะ ”

<< ” รู้ก็แค่รู้ เห็นก็แค่เห็น ไม่เอาเจตนาไปใส่ จะเสือกให้น้อยที่สุดค่ะ กราบสาธุคุณพระอาจารย์ค่ะ ”
>>…  ” ที่อยู่ของใจน่ะ ก็กายนี้แหละ จะไปบอกว่า มันอยูตรงไหน ไม่ได้เลย

เพราะใจ มันอาศัย เหตุปัจจัย ในการแสดง ”

++ ” ใช่เลยค่ะหลวงตาเพราะเหตุปัจจัยนี้ละสำคัญเมื่อถึงทิฐิมาละก็แก้ไม่ได้….อาการเสือกต่างๆ เลยเกิดโช๊ะ…หนู๋เป็นมาแว้วววววอิๆๆๆๆ ”

>>…  ” ใจก็เหมือน บ้าน…

แต่จะบอกว่า เสาเป็นบ้าน ผนังเป็นบ้าน เพดานเป็นบ้าน หลังคาเป็นบ้าน พื้นเป็นบ้าน มันก็ไม่ถูก
แต่ทั้งหมดที่กล่าวๆ  มานั่นแหละ มารวมกัน ประกอบกัน เป็นเรือน จึงเรียกว่า… บ้าน

ใจก็เหมือนกัน อะไรทั้งหลายที่แสดงออกไป จะรับรู้หรือไม่รับรู้ ก็เป็นอาการของใจ ไม่ใช่ใจ

แต่ธรรมทั้งหลาย เราถือว่า ต่างออกมาจากใจ เราจึงเข้าใจว่า ความคิดของเราคือใจ

ใจนี้ อาศัยเกิดจากเหตุปัจจัย หลายๆ  ปัจจัย

สิ่งที่เป็นสมมุติแสดงออกแห่งใจ ก็คือ รูปนาม

รูปนามนี้ก็คือ ขันธ์ห้า

ขันธ์ห้า ไม่ใช่ใจ แต่ขันธ์ห้า เป็นอาการหนึ่งของใจ

ที่อวิชชาสร้างไว้ใช้ แสดงออก เพื่อการปรุง เป็นต้นเหตุแห่งผล ในการแสดงออก ในกาลปัจจุบันของภพภูมิ

ดูๆ  ไป เสียเวลา….เราอย่าไปหา อะไรคือใจ เพราะใจ มันเป็นอาการหนึ่งของจิต ที่อาศัยอวิชชา เป็นผู้ให้กำเนิด เรียกว่า …จิตสังขาร

จิตสังขาร แสดงออกมา ปรุงทะลักอกมา กลายเป็นวิญญาณ

วิญญาณอาศัยการปรุงจาก จิตสังขาร ที่มาจากอวิชชา สร้างปรุงแต่งนามรูปขึ้นมา

นามรูปที่ปรุงแต่งแล้ว มีช่องทางรับรู้ เพื่อการผัสสะ

อะไรที่โดนผัสสะ จากช่องทาง ที่มาจากนามรูป เป็นอาการหนึ่ง ของใจ ที่เขาสมมุติใช้เรียกว่า เวทนา

กลายเป็นใจที่ออกลูกหลานมาเป็นตัณหา ที่เขากล่าวๆ  มาในอริยสัจว่า

เหตุแห่งทุกข์ทั้งหลายคือ สมุทัย สมุทัยนี้ เหตุของมันก็คือ

ตัณหาที่ผุดขึ้นมาจากใจไม่รู้จบ นี่ละ…เป็นเหตุ

เหตุนี้ก็คือ ตัณหา ที่ผุดขึ้นมาจากใจ ไม่รู้จบ

ตัณหาก็คือ อาการหนึ่งของการแสดงออกของ เวทนา

เวทนา ก็คือ อาการหนึ่ง ที่แสดงออกของผัสสะ

ผัสสะ ก็คือ อาการหนึ่ง ที่แสดงออกของช่องต่อ ที่เรียกว่า อายตนะ

อายตนะ ก็คือ อาการหนึ่ง ที่เป็นช่องต่อ ของนามรูป

นามรูป ก็คือ อาการหนึ่ง ที่ใช้แสดงออก ของวิญญาณ

วิญญาณ ก็คือ อาการหนึ่ง ที่แสดงออกมาจากจิตสังขาร

จิตสังขาร ก็คือ อาการหนึ่ง ที่ปรุงแต่งมาจาก อวิชา

อวิชา ก็คือ อาการหนึ่ง ของธรรมธาตุ หรือธาติรู้ ที่ผัสสะ กับธาตุ ดินน้ำลมไฟ

การผัสสะกันระหว่างธาตุ ทำให้เกิด อวิชชา

อวิชชา เป็นเหตุปัจจัย ให้เกิดจิตสังขาร

จิตสังขาร เป็นปัจจัยให้เกิด วิญญาณ

วิญญาณเป็นปัจจัยให้เกิด นามรูป

อาการที่แสดงออกมาทางนามรูปทั้งหลาย ที่ได้อาศัย อายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ ความเศร้าโศก ความสมหวัง ไม่สมหวัง สุขทุกข์ทั้งหลาย

ทั้งหมดนี้ เป็นอาการแสดงออกของใจ ที่เป็น อาการหนึ่งของจิต

รู้อย่างงี้ เราจะเอาใบบัวปิดที่ใจ เพื่อไม่ให้ รับรู้ช้างตาย

ก็คือ ทำใจยอมรับ ว่า มันเป็นของมัน เช่นนั้นเอง

กูอย่าพยายามไปเสือกอะไรใดๆ ให้มันทุกข์ ใจ เพื่อให้ได้ดั่งใจ เพื่อให้ได้ความแน่นอน

เพราะโลก มันเป็นของมันเช่นนั้น มันอาศัยเหตุปัจจัยกันเกิด

ใจกู อย่าเสือกเข้าไป เสือกกกกกก กับอะไรมากมาย เพราะสรรพสิ่งทั้งหลายนี้ มันเป็นธรรมดาของมัน เช่นนั้นเอง

มีแต่ใจอันเฮงซวยดวงนี้แหละ เป็นกู คิดว่าตถาตา ทั้งหลายเหล่านี้ กูเป็น..!!

ธรรมเทศนา ในเฟสจากเหตุแห่งความเสือก วันที่ 26 พฤษภาคม 2557 ยามบ่ายๆ จาก พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง