*** “ยามเช้า ณ ที่แห่งหนึ่งของกรุงเทพ” ***
เบื้องหน้าและสองข้างทางที่มองเห็น ผู้คนมากมายเหลือเกิน
ต่างแย่งพื้นที่เพื่อที่จะได้มีชีวิตที่ดี ในพื้นที่เล็กๆอันเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้
ทุกคนต้องดิ้นรน..เพื่อชีวิตที่ดีกว่า
ชีวิต..ดูเหมือนเดิมๆ คือ ตื่นเช้า ทำงาน วุ่นวายกับทุกเรื่องที่เผชิญทาง ตา หู ลิ้น ฯ
ทุกวัน.ทุกวัน .ทุกๆวัน ….
รู้ตัวอีกครั้ง..แก่ไปแล้ว หน้าเราโดนแย่งพื้นที่หนุ่มๆสาวๆไปแล้ว
โลกเปลี่ยนไปไวมาก ตามโลกให้ทันเพื่อนเอ๋ย..
หากเพื่อนยังแช่อยู่กับสิ่งเดิมๆ เพื่อนจะโดนทอดทิ้ง ทั้งๆที่เพื่อนไม่ได้ทำผิดอะไรเลย
สร้างมูลค่าตนเองขึ้นมาท่ามกลางความเร็วที่หมุนไปอย่างบ้าคลั่งของโลกใบนี้
เราเปลี่ยนแปลงโลกอันบ้าคลั่งนี้ไม่ได้หรอก พึงจำไว้..
แต่เราเปลี่ยนตนเองได้ เพื่อที่จะรับมือกับโลกที่มันบ้าคลั่งจนตามไม่ทันใบนี้ได้
พึงเปลี่ยนแนวคิดว่า ทุกอย่างที่เรามี มันโอเคแล้วดีแล้ว
ไม่ว่าจะเป็น ความรัก ครอบครัว การงาน ความเป็นอยู่..
เพื่อนเอ๋ย..มันอาจเปลี่ยนไปแล้ว เพื่อนอาจยืนอยู่กับโลกเก่าๆที่เขาลอยแพเพื่อนไปแล้ว
ความรักที่คิดว่าดี มั่นคง เขาจะอยู่กับเราตลอดไป
มันอาจเป็นแค่นิยาย หนังม้วนเก่าๆที่มันน่าเบื่อหน่าย เพื่อนแค่ไม่รู้ตัว และเข้าใจอยู่เพียงฝ่ายเดียว
ครอบครัวที่คิดว่าดี มั่นคง เรามีความสุขที่อยู่ร่วมกัน
มันอาจเป็นแค่โลกใบเก่าๆ ที่น่าเบื่อหน่ายที่เพื่อนครอบครองมันไว้ด้วยตรรกะและการครอบงำที่เพื่อนสร้างมันขึ้นมา
เพื่อนอาจเดียวดาย มีแต่ภาพลวงและหน้ากาก ที่เพื่อนไม่มีวันรู้ความจริงได้เลยว่า มันพังไปแล้ว
มันพังเพราะมึงไม่ใส่ใจครอบครัว และเปลี่ยนแนวคิดเดิมๆ ที่ครอบงำว่ามันดีที่สุดแล้วของมึงนี่แหละไอ้เพื่อน
การงานที่คิดว่าดีแล้ว มั่นคงแล้ว โอเคแล้ว อยู่ได้แล้ว
หากเพื่อนยังแช่อยู่กับสิ่งเดิมๆ พฤติกรรมเดิมๆ ไม่เรียนรู้ที่จะพัฒนาตน เพื่อก้าวไปสู่โลกใบใหม่ด้วยความมั่นใจ ว่าตนมั่นคง
ความเดิมๆของมึงเพื่อนเอ๋ย..มันจะโดนแทนที่ด้วยอุปกรณ์ชนิดใหม่ๆของโลก ที่ดูว่าแพง
แต่ราคาถูกกว่าจ้างมึงทั้งชีวิตน่ะเพื่อน เพื่อนรู้ตัวบ้างไหม..
พึงพัฒนาความคิด ทางกาย วาจา ใจ ให้ก้าวไปเบื้องหน้าให้ได้ อย่างน้อยให้ทันโลก ที่หมุนไปอย่างบ้าคลั่ง
พึงหัดยอมรับ ความคิดผู้อื่นบ้าง
พึงหัดเห็นใจผู้อื่นบ้าง
พึงหัดให้อภัยตนเองและผู้อื่นที่เขาผิดพลาดบ้าง
พึงลดอัตตาตนเอง ที่จะไปครอบงำผู้อื่นเพื่อให้ได้ดั่งใจบ้าง
ไม่ว่าโลกจะหมุนไปไวและเปลี่ยนแปลงไปไกลแค่ไหน
ธรรมชาติและพฤติกรรมที่จะทำให้เรายื่นอยู่บนโลกใบนี้ได้ นั่นก็คือ..
พึงเอาใจเขามาใส่ใจเราให้มากๆ
เราไม่ชอบเช่นไร..ใครเขาก็ไม่ชอบเช่นนั้นเหมือนๆกันกับเรา
หมั่นดูแลใจเขา ให้เหมือนกับที่ดูแลหัวใจของเรา
ใจเขา..ย่อมไม่แตกต่างไปจากใจเรา
ยิ้มและให้อภัยใครเขา มอบความไม่ถูกใจที่เกิดขึ้นกับหัวใจเรา ด้วยการยอมรับในธรรมดาของเขา
เราก็จะมีโลกแห่งโมเดลที่เราสร้างขึ้นมาให้มีที่ยืน
แม้โลกแห่งความจริงจะเปลี่ยนแปลงและหมุนวนไปอย่างบ้าคลั่งแค่ไหนก็ตาม
ใจเขาใจเรา..พึงหัดทำความเข้าใจรองเท้าคู่นี้ ที่จะใส่ออกเดินไปได้ ในโลกที่มันเปลี่ยนแปลง..
พระธรรมเทศนา วันที่ 28 ตุลาคม 2562
โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง