พุทธด้วยภูมิปัญญาไม่ใช่พุทธด้วยความงมงาย

พุทธด้วยภูมิปัญญาไม่ใช่พุทธด้วยความงมงาย

392
0
แบ่งปัน

**** “พุทธด้วยภูมิปัญญาไม่ใช่พุทธด้วยความงมงาย” ****

ความเป็นพุทธศาสนานั้น ไม่ใช่แค่การเอาตัวตนเข้ามาถากหัวแล้วห่มผ้าสีขมิ้นหรือสีใดๆตามความเป็นรูปลักษณ์

การเป็นชาวพุทธ ไม่ใช่แค่มีใบตีตราแค่หมายในทะเบียนบ้าน ที่พ่อแม่ผู้ใหญ่ทั้งหลาย แจ้งยัดเยียดไว้ให้

ความเป็นพุทธ คือปัญญาที่สอดส่งลงไปตามเหตุและปัจจัย จนเข้าไปรู้เห็นตามความเป็นจริง

พุทธะนี่เป็นเรื่องปัญญาของมวลมนุษย์ชาติทั้งหลาย ไม่ใช่ความเห็น ความเชื่อ อันเป็นลัทธิ องค์กร หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

หากผู้มีความเชื่อทางคริสต์ ได้มีการสอดส่งด้วยปัญญา รู้เห็นตรงตามความเป็นจริง ตั้งแต่ขั้นที่เรียกว่า ศีล สมาธิ และปัญญา ไปตามลำดับ

เช่นนี้โลกเรียกว่า เป็นชาวพุทธนับถือคริสต์

หากนับถืออิสลาม แล้วมีปัญญารู้เห็นตรงตามความเป็นจริง ตามกฏแห่งธรรมชาติ

เช่นนี้โลกเรียกว่า เป็นชาวพุทธนับถืออิสลาม

จะเป็นลัทธิไหน จะเป็นศาสนาใด หากมีภูมิปัญญาเข้าไปสอดส่งรู้เห็นตรงตามความเป็นจริง เข้าถึงความเป็นจริงด้วยปัญญาได้

เช่นนี้เรียกว่าชาวพุทธ อันเป็นมนุษย์ผู้มีภูมิปัญญาทั้งสิ้น

เราจึงไม่ควรแยกแยะทะเลาะกันด้วยความเป็นศาสนานั่นนี่ การอยู่ด้วยสันติภาพ ที่ได้เกิดมาร่วมโลก จึงเป็นสิ่งที่พึงมี

พระปัจเจกพระพุทธเจ้า ท่านก็ไม่ได้เป็นชาวพุทธหรือต้องเป็นพระโกนศรีษะบวชด้วยการห่มผ้าเหลือง

แต่จะเป็นผู้ปฏิบัติท่านใด ศาสนาใดก็ได้ ที่บรรลุเข้าถึงความเป็นจริงของธรรมชาติ ที่ทุกคนมีสิทธิเข้าไปถึง

เช่นนี้เรียกว่าพระปัจเจกพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น

จึงเห็นว่า ความเป็นพุทธะ ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้อยู่ในองค์กรแห่งศาสนา ที่เรียกว่าพุทธ

ผู้ที่เข้าไม่ถึงความเป็นพุทธะ ย่อมเข้าไม่ถึงความเป็นพุทธ

ความเป็นพุทธในทะเบียนบ้าน ความเป็นพุทธเพราะอาศัยการบวชเพื่อเลี้ยงชีพ ความเป็นพุทธเพราะความเป็นพระภิกษุ

เช่นนี้เป็นสมมุติของกลุ่มก้อนหมู่เหล่า ที่แยกแยะสมมุติออกมาเป็นศาสนาๆตามความเชื่อ

ภิกษุมากมายในศาสนา มีชีวิตดำเนินไปตามครรลองแบบฆราวาส แต่อาศัยคราบขมิ้นสีฝาดห่อตัว ประกาศตนว่าเป็นตัวแทนแห่งพุทธ

มีการสร้างศรัทธาด้วยความงมงาย หลอกล่อผู้คนด้วยกรรมวิธี เพื่อให้ได้มาแห่งลาภสักการะ สรรเสริญ ยศและความสุขที่ตนหลงใหล

สร้างความเชื่อ ศรัทธา จากความงมงาย ในสิ่งที่มองไม่เห็น อธิบายไม่ได้ ด้วยอำนาจของคนบนฟ้า และในรูลึกแคบๆเกินหยั่งถึงที่หายลงไปใต้พื้นดิน

เป็นพ่อค้าคนกลางระหว่างโลกวิญญานกะผู้คน ที่อธิบายเหตุ อธิบายผลไม่ได้ แต่ขอให้ซื้อสินค้าด้วยการทำโฆษณาชวนเชื่อ ให้คนทั้งหลายงมงาย

อาศัยวัตถุ ตรรกะ ความเชื่อ ตำรา ครูบาอาจารย์ ลัทธิ องค์กร ศาสนา ในการทำมาหากิน ด้วยการกล่าวอ้างแอบอิง

วิถีเช่นนี้ ไม่ได้เรียกว่าพุทธ แต่เป็นมนุษย์ผู้อาศัยเหตุปัจจัยในตัณหาอุปาทานเลี้ยงชีพ แต่อ้างความเป็นพุทธ

เป็นชีวิตที่ไม่ได้แตกต่างไปจากผู้คนทั้งหลาย ที่อาศัยอยู่บนผิวโลก

แต่พยายามยกตัวตนขึ้นมาให้ผู้คนบนผิวโลก เห็นความสำคัญของตน ที่ดูเหนือกว่าความเป็นคนทั้งหลาย

ด้วยการอาศัยคราบสีเสื้อที่สวมใส่ ของในแต่ละลัทธิ องค์กร ศาสนา ด้วยรูปวาดแห่งกามตัณหา ที่ตนยัดเยียดให้

เป็นชาวพุทธ พึงตื่นขึ้นมามองเห็นตามความเป็นจริง อย่าได้งมงายกับความเป็นจริงด้วยขี้ปากและความคิดเห็น ของผู้อื่น ที่มักแอบอ้าง

ความเป็นจริงนี้เป็นสัจธรรมที่ทุกคนต้องค้นหาและแสวงหามาประดับวาสนาภูมิแห่งตน

อย่าได้เป็นคนแค่เกิดมา กิน นอน สืบพันธ์ ระหวาดระแวงภัย แล้วตายห่าไป ด้วยการโดนเขาหลอกไปตลอดชีพที่ตนได้มีโอกาสเกิดกำเนิดมา

ตื่นอย่างพุทธะเพื่อนเอ๋ย อย่ามัวเฉยมึนงงด้วยการครอบของพ่อค้า ที่อาศัยชุดสัญญาลักษณ์แห่งศาสนา มันหลอกกินหัวใจเรา

พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง วันที่ 31 สิงหาคม 2560