ลงเรือลำเดียวกัน ย่อมถึงฝั่งได้ด้วยกัน

ลงเรือลำเดียวกัน ย่อมถึงฝั่งได้ด้วยกัน

605
0
แบ่งปัน

พุทธศาสนาเป็นศาสนาที่หมายถึง การมีปัญญา

หากเราพากันงมงาย เชื่อนั้น นู่น นี่ ตามที่เขาว่าๆ กันมา

เช่นนี้ เราก็โง่ตาย ขาดการวินิจฉัย ไร้ภูมิแห่งผู้มีปัญญาดั่งชื่อว่าพุทธเลยทีเดียว

ตัวธรรมที่แสดง ธรรมมันยืนยันตัวมันเองด้วยความจริง

คนมีปัญญาย่อมเข้าใจและตามรู้ได้ง่าย

กล่าวตามเหตุตามผลและตรงต่อความเป็นจริง

เราชี้ให้มี..ปัญญา ไม่ได้ชี้ให้..งมงาย

ส่วนใครจะงมงาย ยึดมั่นถือมั่นในอัตตาแห่งตน เราก็ไม่ว่ากัน

การแสดงธรรม หากเอาความคิดเข้าไปใส่ปรุงแต่ง

มันก็เป็นอัตตาตัวตนของคนเจ้าความคิด

เช่นนี้ ใครเรียนมาก จำมาก รู้มาก มีราตรียาวนานกว่า ก็ต้องเก่งต้องเจ๋งกว่า

ธรรมะ..ไม่ใช่เช่นนั้น

ธรรมะ..ไม่มีสูตรการจำ

ธรรมะ..ไม่ใช่นิยามใดๆ

ธรรมะ..มันต้องไหลออกไปจากใจ และวินิจฉัยได้ทันที ด้วยผัสสะที่ประจักษ์ใจในธรรม

เหล่านี้เป็นธรรมแห่งมหาสติมหาปัญญา ที่ไหลเวียนออกมาโดยไม่รู้จบ

คนมีอัตตา ย่อมถูกใจบ้าง ไม่ถูกใจบ้าง นี่..เป็นธรรมดา

ธรรมเมื่อสาดออกไปแล้ว ย่อมชโลมอาบรดใจ ผู้แสวงหาธรรม

แต่จะเป็นเสี้ยนหนามทิ่มแทงใจ เหล่าผู้ไม่เอาธรรม

นี่..เป็นธรรมดา ที่มีทั้งถูกใจและไม่ถูกใจ เรารับกันได้ไหม

หากรับได้ เราก็จะเห็นความเป็นธรรมดาของสัตว์โลก

ที่ตกอยู่ในกระแสแห่งความถูกใจและไม่ถูกใจ

สำคัญ เราปีนป่ายออกมาจากหลุมแห่งภัยถูกใจและไม่ถูกใจ ขึ้นมารึเปล่า

หากปีนขึ้นมานั่งดูตรงปากหลุมได้ เราก็จะเห็นความธรรมดาของกิเลสใครๆ เขาชัด

เอาความเห็นชัดนั้น มาสอดส่องใจเจ้าของด้วยสติ

เราก็จะเห็นชัดว่า ใจเรามันก็เหี้ยไม่แพ้ใครอื่นเขาเช่นกัน

นี่..เป็นผู้มีดวงตาเห็นธรรม ที่เห็นความเป็นธรรมดา ทั้งนอกและทั้งใน

เจ้าของก็จะได้ มีสติ ลด ละ เลิก ใจที่มีตัณหาผุดขึ้นมาไม่รู้จักจบนี้ได้

นี่..แหละ เป็นใจของผู้มีปัญญา เป็นผู้เดินทางแห่งแนวมรรค

นี่เรียกว่า พระโสดาบัน..!!

พระธรรมเทศนาจากบทธรรม เรื่อง “” เส้นทางพระโสดาบัน ท่อน 7 “” ณ วันที่ 14 พฤษภาคม 2558 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง