พลังปัญญาของแผ่นดิน

พลังปัญญาของแผ่นดิน

273
0
แบ่งปัน

****** ” พลังปัญญาของแผ่นดิน “*****

หวัดดียามเช้า

มีโอกาสได้สร้างได้ทำให้แก่แผ่นดิน

เราก็จะทำเท่าที่เราจะมีกำลัง

การสร้างเปลือกเพื่อรักษาห่อหุ้มสัจธรรม แม้จะเป็นเปลือกที่เราไม่ต้องการ

แต่เนื้อเยื่อภายในมันต้องอาศัยเปลือก เนื้อเยื่อที่ยังไม่สุกงอมยังต้องอาศัยเปลือก

เราไม่ควรทำลายเปลือกอย่างที่หลายคนเข้าใจว่า

เปลือกนี้มันไม่สำคัญ เขาไม่เอาเปลือก เขาจะเอาแต่เนื้อเยื่อ

เนื้อเยื่อที่ไร้เปลือกรักษา คือ เนื้อเยื่อที่มีค่าแค่กาลเวลาสั้นๆ เพียงได้กิน ชิม ลิ้มลอง

อนาคตกาลอันยาวไกล ใครที่ไหนจะได้ใคร่ได้กินเนื้อเยื่ออีก

ในเมื่อมันไร้เปลือกห่อหุ้มรักษาให้คงทนยาวนานไปถึงลูกถึงหลาน

เพราะความเข้าใจแคบๆ ของใจทรามๆว่า พระพุทธรูปทั้งหลาย มันเป็นแค่วัตถุ มันไม่ใช่พระพุทธเจ้า

เราไม่เอาวัตถุที่ไม่ใช่พระพุทธเจ้า

นี่..พวกทำลายเปลือกที่ห่อหุ้มเนื้อเยื่อให้มันชิบหายหมดไปจากผืนแผ่นดิน..!!


ขอสาธุคุณให้มีแต่ความสุขความเจริญ

ข้าเคยเห็นพระบางวัด เอาพระพุทธรูปไปทิ้งแม่น้ำ

เพราะความเข้าใจว่า นี่คือความงมงาย นี่ไม่ใช่พระพุทธเจ้า ไม่ควรจะมาโง่งี่เง่ามาเคารพกัน..

นี่..ตรงนี้พระท่านยังไม่เข้าใจว่า อะไรคือสมมุติ อะไรคือความจริงที่คนเขาสมมุติ

พระพวกนี้ มันกราบวัตถุ พอฟังเขามาว่า นี่คือวัตถุรู้สึกว่า ตนเห็นแจ้ง เออ..ใช่ นี่มันวัตถุไม่ใช่พระพุทธเจ้า

พวกเขาจึงพากันขนไปทิ้งแม่น้ำ นัยว่า เพื่อไม่ไห้ผู้คนพากันงมงาย

นี่..เจตนาดี แต่ปัญญาเจตนา มันควายๆโง่งมงายเหลือหลายเช่นกัน

ที่เป็นเช่นนั้น นั่นย่อมแสดงว่า พวกตนมันกราบวัตถุ เพราะความเชื่องมงายมาโดยตลอด

มันบ่งบอกศักยภาพแห่งปัญญาว่า ใบ้บอดงี่เง่า มันกราบหินกราบปูนกราบโลหะ

ผู้มีปัญญา ท่านกราบตรงคุณ เอาวัตถุมาสร้างรูปตัวแทน เพื่อที่จะได้มีที่ตั้งแห่งใจในการกราบคุณของพระพุทธองค์

บางวัด ไม่กราบพระพุทธปฏิมา แต่มันกราบกระดาษสาดสี พระพุทธแทน นี่..มันฉลาดมากไหม..!!

วัตถุต่างๆนี่ มันเป็นสัญลักษณ์ เป็นเครื่องหมาย เป็นตัวแทน เป็นเสาหลักประกาศเขตแดนว่า แดนนี้เป็นดินแดนแห่งความเป็นพุทธ เป็นคริสต์ เป็นอิสลาม

พุทธศาสนานี่ เป็นศาสนาแห่งปัญญา

เราใช้ปัญญาในการวินิจฉัยธรรม

เราไม่ได้ใช้ความเชื่อส่วนเดียว งมงายกับธรรมทั้งหลาย ที่เขาว่าๆกันมา

ผู้มีปัญญาย่อมมองเห็นเส้นทางในการที่จะเดินไปยังเบื้องหน้า

เหล่าผู้ไร้ปัญญา ย่อมมืดบอดในหนทางที่จะก้าวเดิน

พวกเขาย่อมเพลินอยู่แค่หนทางแคบๆที่ตนมีที่ยืน

โอกาสจะคืนกลับไปสู่ความเป็นอิสระแห่งใจย่อมไกลไป
จากใจตน

นี่..เพราะความคับแคบแห่งความคิดตนที่ยึดมั่นในอุปาทาน แบบไร้ซึ่งปัญญา

หากหนทางเบื้องหน้ามันตีบตันและมืดมน

ลองหันมามองหนทางย้อนหลังที่เราได้เดินบนหนทางที่ผ่านมา

เราจะพบว่า..

ก่อนที่เราจะเดินทางมาเจอหนทางตีบตันและมืดมน

หนทางที่เราฝ่าฟันและเดินมาถึงตรงจุดนี้ที่มันตีบตันและมืดมนแห่งหนทาง

เราเองก็เคย มืดมนและตีบตันบนเส้นทางแห่งทางเดินที่ผ่านมา เหมือนๆกัน

แต่..สุดท้ายเราก็เดินมาจนฝ่าฟันและพบปลายแสงแห่งความสว่างมาเช่นกันไม่ใช่หรือ

วันนี้..เราหาหนทางเดินต่อไป อย่างผู้กำชัยว่ายังไงก็ต้องผ่าน

วันนี้ ยังไม่ผ่าน พรุ่งนี้ หนทางที่เราจะผ่าน มันยังคงเปิดรอเราอยู่ เหมือนวันวานที่เราเดินผ่านมา ด้วยความมืดบอดตีบตันเหมือนๆกัน

เรา..มีปัญญาและกำลังที่จะสู้ไหม

หรือเรา… ทัอใจ ไม่ไหว ไม่ไปไหน อะไรยังไงกับชีวิตอีกแล้ว..

เรา..เป็นผู้เลือกที่จะเดินต่อ หรือจะจบลงเท่าที่มันมี..!!


<<< อย่าให้ใครมาดูถูกภูมิปัญญาแห่งเรา

เพราะเหตุแห่งตัวเราที่เสือกแสดงออกไปด้วยภูมิที่ไร้ซึ่งปัญญา..!!

เรา..เป็นคำตอบด้วยโจทย์แห่งเรา ที่เรานิยามมันขึ้นมาให้พวกเขาดู

คุณค่าของเราในสายตาแห่งสาธุชน คือ เราที่แสดงและตอบโจทย์อย่างมีปัญญา..!!

ผู้เห็นโจทย์และตอบโจทย์ คือ ผู้อื่น ไม่ใช่เรา

เรา..มันแค่เป็นเครื่องมือให้เขาได้ตอบโจทย์ และนิยามแห่งโจทย์ ที่เขาเห็นความเป็นเรา

คำตอบอยู่ที่เขา..ไม่ใช่เราเป็นเพื่อทำให้เขาเห็นว่า..!!

ใครสร้างคำตอบเพื่อให้เขาเห็น

นี่..เป็นคำตอบแห่งนิยามโจทย์ที่ผิดประเด็นตามความเป็นจริง..!!

>>> หลวงตาบอกว่า ทุกคน ทุกเพศทุกวัย สามารถเข้าถึงนิพพานได้ทุกคนใช่ไหมเจ้าคะ

>>> เอ้..!! อย่างงี้ ทารกก็เข้าถึงนิพพานได้ด้วยนะซิครับ

<<< ทารกมันไร้ซึ่งวุฒิภาวะ..ดุจผ้าที่ไร้การย้อม

ความหมายของผู้เข้าถึงนิพพานได้ทุกคนนี่

มันใช้กับผ้าที่ได้รับการย้อมแล้วว่า จะนำไปสู่ความสำเร็จผลอะไร

เปรียบผ้าทุกผืน มันใช้เช็ดขี้ได้

แต่ไม่ทุกผืนที่จะใช้เพื่อแต่งองค์ราชันราชินี ผู้เลอโฉมแน่..!!

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 8 มีนาคม 2559 โดยพระอาจารย์ ธรรมกะ บุญญพลัง