เลือกมีชีวิตอยู่อย่างผู้มีปัญญา

เลือกมีชีวิตอยู่อย่างผู้มีปัญญา

299
0
แบ่งปัน

**** “เลือกมีชีวิตอยู่อย่างผู้มีปัญญา” ****

ขอสาธุคุณ สวัสดีให้มีแต่ความสุขความเจริญ

ยามเช้า หากสายตาเราได้ผ่านบทธรรมมาบันทึกไว้ในใจ

นี่เป็นหนทางแห่งบุญสายหนึ่ง ที่เราได้ย้อมกุศลเข้าไป

พึงเรียนรู้ธรรมทั้งหลายอย่างฉลาด

อย่าเรียนรู้ธรรมทั้งหลายอย่างงมงาย

ขอให้มีดวงตาเห็นธรรมกันทุกคน

ปัญญานั้น ทำให้เห็นว่า

เราเลือกที่จะอยู่อย่างไร แทนที่จะทำอย่างไร

เราเลือกที่จะทำอย่างไร แทนที่จะคิดอย่างไร

เราเลือกที่จะคิดอย่างไร แทนที่จะไม่คิดอะไรเลย

เราเลือกที่จะไม่คิดอะไรเลย แทนที่จะเลือกอยู่อย่างไร

ชีวิตนั้น..

สวิงซ้ายบ้าง ขวาบ้างไปตามเหตุปัจจัย

ปัจจัยนี้ทำให้เกิดกระแส

กระแสทำให้เราไหลไปได้ตามกำลังของมัน

อยู่ที่เรา..มีกำลังปัญญาแค่ไหน ที่จะไหลหรือไม่ไหลไปตามกระแสที่เป็นเหตุปัจจัย

คนเรานั้นรู้ทั้งนั้นแหละ ว่าอะไรมันดีหรือไม่ดี

แต่เราก็ทำไปตามใจตนเอง

เราทำชั่วเนื่องด้วยกิเลสตนทั้งๆ ที่รู้ นี่ผู้แพ้ตลอดกาล

เราทำชั่วเนื่องด้วยเหตุปัจจัยบีบอัดให้จำเป็นต้องทำ นี่เลือกไม่ได้ แต่ยังพอชนะได้เพราะไม่ได้เต็มใจ

เราทำชั่วเพราะโลกเขาทำตามๆกัน นี่ไหลไปตามกระแส ว่าไงว่ากัน

เรานั้น..เลือกได้ ที่จะดำเนินไปตามทางใด

เราเองเป็นผู้รับผลที่เลือกนั้นไม่ใช่ใคร

เลือกไปตามอำเภอใจ ก็เป็นสมุทัย

ตรึกตรองในกระแสเหตุปัจจัยก่อนที่จะเลือก ก็เป็นมรรค

มีน้องคนหนึ่ง เป็นลูกสะใภ้ใหม่

เธอย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านสามี

บ้านสามีทำเรื่องไม่ถูกศีลธรรมสำหรับเธอ

เธอต้องฆ่าไก่ทุกวัน เธอจะทำอย่างไร

เธอจะเสพสุขอยู่เฉยๆ โลกสวยก็ไม่ได้

ทุกคนต้องช่วยกันทำงาน เธอไม่อยากทำจะทำอย่างไร

สามีก็เห็นใจ แต่กำลังที่จะพากันออกไปตั้งครอบครัวมันมีไม่พอ

สามีเป็นคนดี เธอแยกจากเขามาไม่ได้

ถ้าใครตกอยู่ในภาวะเช่นนี้ หนีออกมาจากกระแสชีวิตไม่ได้

เธอพึงโยนิโสก่อนที่จะทำ

โยนิโสก็คือการตรึกตรองสิ่งที่จะกระทำด้วยสติปัญญาแห่งตน

ทำการขอขมากรรมต่อสิ่งที่ทำ

บอกกล่าวออกไปเพราะความจำเป็นของชีวิตเรา ที่จะต้องอยู่ร่วมกันกับเขา

แต่เราไม่อยากจะทำ มันเป็นหน้าที่ ที่โดนยัดเยียดเข้ามาให้ทำ

ดุจเพชรฆาตที่ต้องบั่นคอผู้คน ทั้งที่เขาก็ไม่ได้เป็นศัตรูกับเรา

ทำการขอขมาและโยนิโสก่อนที่จะทำ

บาปทั้งหลายจะขาดเจตนา

ผลแห่งบาป เล็กน้อย เราพอจะต้านได้ด้วยกำลังใจของเรา..

คนเรานั้นชอบที่จะให้ผู้อื่นมาเข้าใจตน

แต่ตนเองนั้น ไม่เคยเรียนรู้ที่จะไปเข้าใจผู้อื่น

นี่คือปัญหาของผู้คนที่ได้เกิดกำเนิดมา

คนเรานั้น ชอบที่จะคาดหวังกับคนบนฟ้า ด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ

มากกว่า อยู่กับความเป็นจริงด้วยสติปัญญาที่ได้เกิดกำเนิดมา

ความหวังที่แห้งแล้ง กับความจริงที่เย็นชืด มนุษย์เลือกความแห้งแล้งแห่งความหวัง

เพื่อเอาเมล็ดพันธ์ว่างเปล่านั้น มาเพาะปลูกในลานโง่ของปัญญา

ต้นกล้านั้น ต้องใช้เวลาในการเติบโต

คนไร้ปัญญา มักเก็บเกี่ยวต้นกล้า แทนที่จะรอวันเวลากล้านั้นให้ผลเมื่อเติบใหญ่

คนที่กินเปรี้ยว ย่อมไม่รู้ว่ามันหวานยามรอให้ผลสุก

รองเท้าคู่โตกว่าตีน มันพังก่อนที่ตีนจะเติบโตเพื่อที่จะใส่มันได้พอดี

ชีวิตนั้น หากใช้ปัญญาไม่เป็น มันก็จะยากเข็ญไม่พอดีกับเหตุปัจจัยในสิ่งที่ควร

พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง
วันที่ 11 ธันวาคม 2560