อาบัติหนักเป็นอาชีพ

อาบัติหนักเป็นอาชีพ

383
0
แบ่งปัน

***** อาบัติหนักเป็นอาชีพ ******

ขอสาธุธรรมยามเที่ยง

เมื่อกี้พูดไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้…

เรามากล่าวกันเรื่่องพระอาบัติต่อก็แล้วกัน ขาดช่วงแล้วธรรมมันไม่ไหลต่อเนื่อง

พระที่มาที่นี่ ไม่ใช่ว่า ที่นี่เป็นที่จัดปริวาส

แต่ที่นี่…พระที่อยู่ปริวาส ท่านผ่านเข้ามาพักแวะเที่ยวเป็นประจำ เพราะที่นี่ มีวัดที่เขาจัดปริวาสเป็นประจำ

เคยถามว่า มาอยู่ปริวาสกี่ครั้งแล้ว

บางท่านก็บอกว่า บวชมากว่ายี่สิบพรรษา ก็จะเข้าปริวาสกันทุกปี

ข้านี่ถึงกับมึน…

ไอ้เหี้ยยย..!! นี่มันพระทุศีลหนักตลอดการบวชเลย ยี่สิบกว่าพรรษา

มันจะสำนึกไหมนี่…

ข้าถามว่า นี่พวกท่าน ทำผิดอาบัติหนักอะไรกันขนาดนี้ ถึงได้มาเข้าอยู่ปริวาสกันทุกปี

พระบอกว่า มันเป็นกิจของสงฆ์ ที่ต้องเข้าปริวาสกรรมกัน

อ้าว…ฉิบบหาย..!! กูบวชมาเป็นสิบปี ยังไม่เคยเข้าปริวาสกับเขาเลยซักครั้ง

เพราะศึกษาพระธรรมวินัยมาว่า พระที่เข้าอยูปริวาส คือ พระทุศีล ต้องอาบัติหนัก 1 ใน 13 ข้อ ที่เป็น สังฆาทิเสส

ข้าบวชมาเฝ้าระวังใจ จึงไม่ได้ข้องแวะเกี่ยวข้องกับอาบัติหนักเหล่านี้

เมื่อไม่ได้ต้องอาบัติ ข้าก็เลย ไม่รู้จะเอาอาบัติข้อไหนมาปลง

บวชมาจึงไม่เคยเข้าไปอยู่ปริวาสกับเขา

การจะไปอยู่ชำระจิตเพื่อปลงอาบัติในสังฆาทิเสสก็เลยไม่มี

แต่นี่…พวกมาอยู่ปริวาสดันมากล่าวว่า การเข้าปริวาส มันเป็นกิจของสงฆ์

มันเป็นกิจยังไง กับคนที่ไม่ได้ต้องอาบัติ ดำเนินมาทางเหตุแห่งการทุศีล

เขาบอกว่า หลวงตาเอี่ยม เขาเขียนมาในมนต์พิธี อ่าวว..นี่ว่ากันไปตามมนต์พิธี

ข้านี่…กลุ้มใจกับเหล่าสงฆ์ที่ทำตามๆกัน โดยไม่มีปัญญามาวินิจฉัยธรรม

จำเขามา แปลเขามา ก๊อปเขามา แต่ขาดปัญญาวินิจฉัยว่า อะไรคืออะไร อะไรจริงอะไรไม่จริง

มันขาดผู้ชี้ ที่เข้าใจความเป็นจริง ที่จะมาชี้ธรรม

ใครมาชี้แหกกรอบที่ยึด มันก็กระหน่ำซะ เพราะโลกมันรับไม่ได้

เมื่อรับไม่ได้ มันก็เลยพากันกระทำอย่างงมงาย เพราะคิดว่าสิ่งที่ทำนี่มันถูก

กลุ่มพระทุศีลหนักร้ายๆ กลับกลายเป็นของดี เมื่อมาประชุมกัน

ชาวบ้านก็แห่ไปทำบุญ เพราะวัดประกาศว่า เป็นบุญใหญ่

พระมากมายจากแดนไกล ต่างมาชุมนุมเพื่อปริวาสกรรม

แต่ไม่มีใครบอกว่า ที่มาปริวาสกรรมนี่…มันเป็นที่รวมกันของพวกพระที่ทุศีล

อย่างน้อยก็เป็นพระชักว่าว อยู่เนืองนิตย์แหละวะ เป็นพวกพระไม่มั่นใจ ในจิตใจของตนเองที่เข้ามาบวชอาศัยผ้าฝาด

วัดที่จัดปริวาส ถ้าจัดขึ้นมาเพื่อเจตนาให้เหล่าพระทุศีลได้มีโอกาศชำระใจ นี่ก็ขอโมทนา

แต่ถ้าจัดเพราะเขาว่ามา และเห็นว่าพระมากันเยอะดีจะได้อ้างชาวบ้านได้

นี่…เอาความอาบัติหนักแห่งข้อศีลที่กระทำขึ้นมา เอามาหากิน เพื่อหาศรัทธาหาเงินเข้าวัด

นี่แหละ…ชาวพุทธที่อาศัยความเป็นพุทธอย่างน่าสะอิดสะเอียน ด้วยความหลงที่ตนยึด

โดยไม่มีการวินิจฉัยในข้อธรรม ว่าท่านให้อยู่ปริวาสเพื่ออะไร

เมื่อข้าถามเหล่าพระที่มาชุมนุมกันว่า นี่มาเข้าปริวาสกันเนื่องด้วยเหตุแห่งการกระทำผิดอาบัติหนักในข้อใด

พระท่านบอกว่า ท่านไม่ผิดไม่มีอาบัติอะไร

ที่มาเข้าเพราะเป็นกิจของสงฆ์ พระผู้ใหญ่เขาให้มาชำระจิตก่อน

อ้าว…ถ้าไม่ต้องอาบัติแล้วจะมาชำระจิตกันเพื่ออะไร

ท่านบอกว่า คนเราอาจอาบัติโดยไม่ตั้งใจกันก็ได้

อาบัติบางอย่าง อาจเกิดจากเจตนา หรือไม่เจตนาก็มี

เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจึงควรมาอยู่ปริวาสกรรม เพื่อป้องกันใจเราเอง ให้มันบริสุทธิ์ไว้ก่อน

นี่…พระเขาให้ความเห็นมาเช่นนี้ มันช่างสวยหรูจริงโว้ย พวกพระเรา

ข้าจึงถามว่า แล้วทำไมไม่ให้ตำรวจเอาตัวเราไปเข้าคุกไว้สัก สามเดือนเล่า

พระท่านถามว่า เราไม่ได้ทำผิดอะไร เราจะให้ตำรวจเอาเราไปเข้าคุกทำไมเล่า

ข้าก็ตอบว่า…อ้าว…ให้เขาขังไว้ก่อนไง เผื่อบางทีเราอาจทำผิดอะไรลงไป โดยไม่เจตนาก็ได้ ขังเราไว้ก่อน เราจะได้ไม่เป็นหนี้ต่อกัน

ใจเราจะได้บริสุทธิ เพราะได้โดนขังไปก่อนเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องมาห่วงว่าได้ทำผิดอะไรลงไปโดยไม่เจตนา

นี่…อย่างนี่ท่านว่าดีไหม เราจะได้ไม่เป็นผู้ที่ผิด เพราะเราได้ชำระโดยการให้เขาขังคุกเราไว้ก่อนแล้ว

พระท่านก็ไม่เอาว่ะ… บอกว่าทำอย่างนั้นมันไม่ถูก

แต่ตนเองบริสุทธิ์ มาอยู่ปริวาสเพื่อป้องกันความชั่วที่ไม่ได้เจตนา…นี่ถูก

นี่แหละ…มันขัดแย้งกัน เอาความคิดเห็นตนที่งมงายมาเป็นสรณะ…

สำหรับพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ การเข้าอยู่ปริวาส ท่านถือว่าเป็นเรื่องที่น่าอาย เพราะเป็นการทุศีลหนัก รองจากปาราชิกเลยทีเดียว

การให้โอกาศแก่พวกพระทุศีลหนัก ผิดข้อธรรมวินัยน่ะมันดี อย่างน้อยก็ได้พิจารณาใจว่า ตนจะสามารถอยู่ต่อไปในเพศนี้

หรือชำระใจ เพื่อไปจากเพศนี้ เพราะใจมันพ่ายแพ้ ไม่สามารถฝืนกระแสแห่งความทุศีลที่ขาดสติได้

ไม่ใช่อยู่ปริวาสกัน เพื่อตนเองจะได้บริสุทธิ์จากความเลว ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่มีที่สิ้นสุด

อาศัยการอยู่ปริวาส เพื่อความบริสุทธิ์ให้กับใจตนเอง โดยไม่เคยคิดแก้ไขความเลวแห่งตน ที่กระทำจนเป็นสันดาน

ส่วนอีกพวก อยู่ด้วยความมึนๆ งงๆ ตามๆโลกเขาว่ากัน นี่ก็เป็นพวกพระโง่ที่ไม่แพ้กัน

ทำความชั่วร้ายโดยไม่รู้ว่าเป็นสิ่งชั่วร้าย นี่ก็พวกอยู่ฟากชั่วร้าย ที่ขาดปัญญา

ท่านผู้ทรงคุณได้กล่าวว่า

พวกเหี้ย แต่รู้ตัวว่าเหี้ย นี่..ไม่เหี้ย มันยังพอกลับใจได้

พวกเหี้ย แต่ไม่รู้ว่าเหี้ย นี่..ตัวเหี้ยเลยล่ะ

พวกไม่เหี้ย แต่ไม่รู้ตัวว่าไม่เหี้ย นี่…พวกเหี้ย

พวกไม่เหี้ย แต่รู้ตัวว่าไม่เหี้ย นี่…พวกดีเลิศ

พวกเราอยู่กลุ่มไหน ก็ลองตรองใจเอา ดีกว่าเชื่อใครเขาโดยไม่เคยรู้ว่าเรานี่ มันเหี้ยหรือว่าดี

วันที่ 27 ตุลาคม 2558