ไขว่คว้าการบรรลุธรรม

ไขว่คว้าการบรรลุธรรม

267
0
แบ่งปัน

**** “ไขว่คว้าการบรรลุธรรม” ****

มีพระมีชีมีผู้ประพฤติธรรมมากมาย มาหาข้าแล้วถามว่า

#ทำอย่างไรถึงจะบรรลุธรรม

ทุกคนต่างมีคำตอบของตนอยู่แล้ว จากการอ่าน การฟัง

และคิดหวังว่า เขาจะต้องเดินทางให้ถึงการบรรลุนั้นด้วยใจปรารถนาซักวัน

ท่านเอย..เส้นชัยน่ะมี เมื่อท่านมองไปยังเส้นชัยที่อยู่ส่วนปลายของการตั้งเป้าเข้าไปหา

แต่จุดเส้นชัย ที่ท่านปรารถนานั้น มันไม่มี

ที่คิดว่ามี มันเป็นสิ่งที่รอให้ท่านไปไขว่คว้าเสมอ

บางท่านเข้าถึง โสดาบัน แต่โสดาบันมันไม่ได้เป็นจุดเส้นชัย ไปถึงแล้วจะแปลงกายได้

ที่เรียกพระโสดาบัน ไม่ใช่ตนเป็นพระโสดาบัน หรือรู้ว่าตนคือพระโสดาบัน

อย่างงี้มันขี้คุยและโง่เต็มทน เป็นอุปกิเลสแห่งการหลง

พระโสดาบันนี่ เป็นชื่อเรียก ผู้ที่มีดวงตาเห็นธรรม มองเห็นความจริง

คลายจากความยึดมั่นแห่งตัวตนในขั้นหนึ่ง

เข้าใจเขาเข้าใจเรา เกิดมีปัญญาถอดถอนในอาการต่างๆ ว่าเราเป็น

เข้าใจและไม่สงสัยในธรรมที่ตนประจักษ์แจ้งตามกำลัง

ไม่งมงายกับการครอบงำกับสิ่งที่ลูบคลำไม่ได้ หรือสิ่งที่ไร้เหตุผล

บุรุษผู้มีภาวะตื่นเช่นนี้ จะด้วยการฟังมา หรือศึกษามา รู้มา

เช่นนี้ท่านเรียกว่า พระโสดาบัน

พระโสดาบันนั้น ก็คือชาวบ้านที่มีภูมิธรรมในขั้นศีล

เป็นผู้มีความละอายชั่วกลัวเกรงบาปกรรม

เป็นผู้ตัดภพทางกายคือการกระทำชั่วต่างๆได้

แต่การแสดงออก การสื่อออกมา ยังเห็นชัดว่าเป็นคนธรรมดาทั่วไป

ยังตัดภพทางใจ และวาจายังทำไม่ได้

เช่นนี้เรียกว่าพระโสดาบัน แต่ไม่ใช่เข้าใจว่าฉันเป็นพระโสดาบัน

พระโสดาบันไม่ใช่เป็นการบรรลุ หรือปฏิบัติแล้วเข้าใจว่าตนคือพระโสดาบัน

มันเป็นชื่อเรียกของผู้ตื่นรู้มีดวงตาเห็นธรรมในขั้นศีล

ถ้าเป็นเส้นชัย โน่นก็ต้องสกิทาคามี

เมื่อเข้าใจว่าถึงสกิทาคามี โน่นอนาคามีรออยู่อีก

ถึงอนาคามีแล้ว โน่นอรหันต์รออยู่โน่น

เข้าถึงอรหันต์ ก็ยังมีสุขวิปัสโก เตวิชโช ฉฬภิญโญ อะไรอีก

แม้แต่ปฏิสัมภิทาญาน ก็ยังแบ่งย่อยออกไปอีกมากมาย ตามวาสนาภูมิ

ไหนละเส้นชัยในการบรรลุ

การบรรลุที่เข้าใจนั่น มันเป็นชื่อเรียกตามวาสนาภูมิปัญญา ที่ใจมันเข้าถึง

ไม่ใช่เอาตัวตนเองเข้าไปเป็นและรู้สึกว่าตัวเองนั้นบรรลุ

พวกเราทั้งหลายจึงมักตกเป็นลูกค้าของพ่อค้าแอบแฝงพวกนี้เสมอ

เอาสินค้าตราตั้งแห่งตนที่ปั้มตราว่าบรรลุธรรม ออกประกาศขายทำมาหากิน

เหมือนกับเส้นชัยของการเป็นคนดี

การเป็นคนดีนั้นเกิดจากสังคมเขาให้นิยามเรา

ไม่ใช่เรานั้นเป็นคนดี

เราจะบอกว่าเราดีแค่ไหน ถ้าสังคมเขาบอกว่าไม่ดี มันก็คือไม่ดีนั้นแหละ

ผู้อื่นเป็นผู้ตัดสินความดีเลว ไม่ใช่เราเป็น

ถ้าทำถูกใจ เขาก็ว่าคนดีแหละ

ถ้าไม่ถูกใจ ต่อให้ดีแค่ไหน มันก็เฮงซวยแหละ

ดีเลวนี่ ไม่ใช่เจ้าตัวเป็น แต่มันเกิดจากผู้อื่นเขาให้สมมุตินิยามเอา

การบรรลุก็เช่นกัน ไม่มีใครบรรลุเพราะคิดว่าตนเองบรรลุ

แต่ผลที่ตนแสดงออกมา มันจะเป็นตัวชี้และวัดผลภูมิธรรม

มันไม่ได้วัดจากการอ่านมาก รู้มาก ปฏิบัติมากซะด้วยซิ

สังโยชน์สาม ในขั้นโสดาบัน ไม่ใช่เราเอาตัวเข้าไปเป็น

แต่เป็นชื่อเรียกของผู้เข้าถึงความเป็นจริง ว่าใจเช่นนี้ เข้าถึงสังโยชน์สามประการ

เจ้าตัวเองน่ะมันไม่รู้เรื่องสังโยชน์อะไรด้วยหรอก

จะมาบอกว่า ฉันตัดสังโยชน์สามประการได้แล้ว ฉันคือพระโสดาบัน

นี่..ไม่ใช่อะไรอย่างนี้ หรือเข้าใจอย่างนี้

การบรรลุอะไร นั่น นู่ นี่ เรามันตั้งเป้าและคิดกันเอาเอง

อย่าไปเป็นเลยพระโสดาบัน

อย่าเป็นเลยพระสกิทาคามี อนาคามี พระอรหันต์

เป็นเมื่อใหร่ปวดหัวเมื่อนั้น เพราะมันมีอย่างไม่ให้ใครเป็น

เป็นเราที่มีปัญญา ละอายชั่วกลัวบาปเนืองๆด้วยสติปัญญานี่แหละ

ปฏิบัติก็ปฏิบัติไป คิดว่าเช่นนั้นดีเช่นนี้ดีก็ทำๆกันไป

เอาตัวเข้าไปเป็น ไปบรรลุเมื่อใหร่ กิเลสมันกินหัวตายห่า

เส้นชัยแห่งการบรรลุมีไว้เพื่อมุ่งไป

แต่ไม่มีเส้นชัยแห่งการบรรลุให้ใครได้ไขว่คว้ามาครอบครองหรอก

เส้นชัยมันมี ไม่มีที่สิ้นสุด แต่เราก็จะร่วมทางที่จะเดินไกลไปไขว่คว้ากัน

ขอให้เดินทางด้วยการทำความเข้าใจในธรรมดา

หนทางข้างหน้า ที่เดินทางด้วยความเข้าใจในธรรมดา

มันจะนำพาให้เราเข้าถึงเส้นชัย โดยไม่รู้ว่าป็นเส้นชัย แห่งการบรรลุด้วยตัวมันเอง

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 17 มีนาคม 2561

โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง