ธรรมบทนี้ได้เทศน์ไว้ในหมู่
เพราะได้ตัดคำถามของน้องๆออ
ที่ว่ายากๆเหนือโลกแท้จริง มันอยู่เบื้องหน้าเรานี้เอง
<< พระอาจารย์ : ทุกวันนี้ นับวันความมั่นอกมั่นใจในธร
ธรรมดาเรามักจะมีความไม่แน่
และเกิดการพิจารณาไปตามเหตุ
คำว่าโลกุตรธรรม. เป็นธรรมที่ประจักษ์แก่ใจ ไม่ใช่ตัวตน หรือใจ เป็นโลกุตรธรรม.
โลกุตรธรรม หมายถึงไม่อยู่ทางโลก เหนือโลก ไม่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาขอ
งโลก พ้นแล้วจากโลก อะไรอย่างนี้
เป็นทางดำเนินของอริยเจ้า ไปสู่ความดับ ไม่หวลคืนสู่โลกอีกแล้ว. โลกนี้ หมายถึงสมมุติ.
โลกุตรฝ่ายหนึ่ง โลกิยฝ่ายหนึ่ง โลกิยนี้เป็นเรื่องของโลก โลกุตรนี้เป็นเรื่องรู้ธรรม
จึงไม่ตกอยู่ในกระแสโลก ตรงนั้น….โลกุตรสำคัญตรงน
ข้าเองไม่เคยนำเรื่องนี้มาพ
ที่เข้าใจก็คือ เข้าใจตามตำราหนังสือ ที่ผ่านตามาเมื่อก่อนนู่น. ไม่ได้ลึกซึ่งอะไรกับความหม
วันนี้เมื่อออกจากสมาธิ ใจได้ตระหนักคำนี้ขึ้นมา ก็เลยนำมาพิจารณาพร้อมกันให
แต่รู้สึกว่า ห้องธรรมนี้จะไม่มีพี่ข้าเล
โลกุตรนี้เป็นธรรมที่เขากล่
พระอริยเจ้าเป็นผู้อยู่ในโล
แล้วมันอยู่แบบไหน.? มันพิเศษกว่าคนทั่วๆไปรึยัง
เราหาความหมายเท่าไหร่ก็หาไ
ผู้ที่เข้าถึงโลกุตรธรรม คือผู้ที่อยู่ในโลกิยะนี่แห
แต่เป็นใจที่ได้พิจารณาจนปร
เท่าที่ปัญญาพึงมี ว่าความจริงนี้ มันไม่ได้เป็นอย่างที่โลกเข
คือมันรู้ว่าที่เรายึดๆรู้ๆ
ตามภูมิจิตที่ประจักษ์ มันรู้ชัดประจักษ์ใจแบบไม่ไ
มันรู้แบบทั้งคิดเอาและไม่ไ
คือใจมันรู้จักทั้งสองฟาก ทั้งทางโลกทั้งทางธรรม รู้สมมุติและวิมุติ รู้เหตุและรู้ผล
ใจที่เรียกว่าเป็นโลกุตระ. คือใจที่รู้ว่า สรรพสิ่งล้วนเป็นจริงและไม่
สรรพสิ่งล้วนเป็นสมมุติ เป็นสมมุติที่เกิดจากความไม
มันเป็นใจที่มองเห็นกลไกของ
รวมถึงสรรพสิ่งวัตถุสิ่งของ
เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปเป็นธ
มีแต่ใจเจ้าของนี้นี่แหละ ไปยัดเยียดให้มันมี และมันเป็นขึ้นมา
และใจดวงนี้ไม่เคยรู้ว่า ทั้งหลายที่รู้ ที่เห็น ที่ฟัง ที่สัมผัส มันไม่มี.
ที่มันมี มันอาศัยเหตุและปัจจัยคือช่
ที่ตามๆกันออกมานี่แหละ สมมุติ. มันเกิดจากความไม่รู้ ใจเราจึงไหลไปกับกระแสนี้
การไหลไปตามกระแสนี้นี่แหละ
เต็มไปด้วยความอยากที่เป็นต
เรียกว่ามีความทะยานอยากในก
ทะยานอยาก ในความไม่อยากให้มีและไม่อย
นี่เป็นเหตุแห่งทุกข์ในโลกิ
เพราะมันสร้างสมมุติกระแสแห
เดี๋ยวพรุ่งนี้ มาต่อกันอีกท่อน กินมากๆเดี๋ยวจุก