
เดินจงกรม… ท่อน 3
หวัดดียามค่ำ วันนี้ข้าจะโม้เรื่องการเดิ
น่าแปลกไหม ที่กายแตกแล้วยังมองเห็น นี่..เราคงงงเพราะเอาตัวเข้
ในขณะที่เห็นนั้น มันไม่นึกอะไรหรอก ว่าใครเป็นคนเห็น หรือเห็นได้อย่างไร ข้ารู้แต่ว่า กายมันแตกโผล๊ะ กระจายออกไปแล้ว ไร้ตัวข้าที่เป็นกายเสียแล้
ไอ้ที่มันบวมเบ่งแล้วขยายจน
มันก็เริ่มลอยกลับเข้ามารวม
จนที่สุด ก็มาเดินอยู่บนทางจงกรม ระหว่างต้นไม้ที่ได้ทำทางเด
อาการอย่างนี้เป็นครั้งแรกท
ที่จริงเรื่องกายแตกสมัยนั่
ไอ้ตอนนั่งสมัยโน้นนั่น ข้าเกือบบ้าไปที แก้ใจแทบไม่ได้ ไม่มีใครแก้อาการให้ เพราะความรู้สึกทั้งหลาย มันเป็นของมันจริงๆ แต่เมื่อผ่านมาได้ ใจมันก็เกิดแรงต้าน มันเพิกเฉยต่ออาการทางจิตที
มันไม่ใส่ใจต่ออาการทั้งหลา
ใจที่เข้าไปรับรู้ หากใจไม่ได้รับการอบรมมาดีพ
เมื่อเราเดินจงกรมหรือทำสมา
ความรู้สึกทั้งหลาย มันก็ไหลไปตามอาการที่จิตปร
แต่สติมันอาศัยตามรู้อาการแ
เหมือนเราเอาเหรียญสองเหรีย
ตรงนี้ก็เหมือนกัน เมื่อกายเริ่มบวม ที่มันบวมนั้น เกิดจากการปรุง ใจมันไปเพ่งอาการปรุง การปรุงแต่งมันก็ขยายปรุงไป
มันขยายเป่งจนแตก และกระเซ็นมันก็ย่อมเห็นไปต
ข้าเข้าใจอาการอย่างนี้มานา
อาการเหล่านี้ มันไม่ได้เสวยเวทนามันข้ามก
เรียกว่ารู้เท่าทันในอาการท
เมื่อกรรมฐานแตกเพราะไม่รู้
ผลก็คือ ทำกรรมฐานต่อไปไม่ไหวใจมันฝ
และเมื่อเอาจริง มันก็จะได้รับการทดสอบจากใจ
หากใจไม่ตั้งมั่นจริง สติก็แตก บ้าบอแหกคอกออกจากกรรมฐานไป
การได้เผชิญและผ่านทุกขั้นต
ภาวะนี้ทำให้เกิดเจโตวิมุติ
จากจิตที่แสดง เมื่อเข้าใจและผ่านการทดสอบ
เริ่มจากการดูอาการแห่งกาย ก็จะเห็นเวทนาเมื่อเข้าใจในเวทนา ก็จะเห็นอาการทั้งหลายแห่งจ
ิต เมื่อเข้าถึงอาการแห่งจิต ย่อมมองเห็นความเป็นธรรมดาท ี่มันปรุงไปตามสังขาร
นี่..เมื่อผ่านก็จะเห็นธรรม
นี่เป็นทางสายเอกที่จะเข้าถ
ยิ่งไอ้เจ้าพวกมหาเปรียญเพื
เก่งอย่างเดียวก็คือเพ่งโทษ
ตัวกูเองบวชมานี่…เหี้ยยย
อ้าวชิ๊บหาย..!!!! เผลอด่าพระเหี้ยๆผู้ทรงคุณซ
คืนนี้ คงพอแค่นี้ สวัสดีทุกคน
พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 24 กันยายน 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง