ส่วนโลกุตรธรรม เป็นใจที่เห็นกลไก แห่งความเป็นธรรมดา ของสรรพสิ่งว่ามันมีกระบวนก
ท่านเรียกว่า อยู่อย่างเหนือโลก เป็นผู้รู้ทั้งสองฟาก รู้ทั้ง 360 องศา
ส่วนโลกิยะ รู้แค่องศาเดียว การรู้มันแตกต่างกันขนาดนั้
ใจที่เรียกว่าเข้าสู่โลกุตร
เหมือนเราจับของร้อน จับปุ๊บปล่อยปับ ไม่มีใครไปเป็นเจ้าของปล่อย
ท่านมหามือไปจับท่อไอเสีย เพราะคิดว่าไม่ร้อน จับปุ๊บท่านมหาปล่อยปั๊บ ไม่มีการพิจารณาอีกต่อไป ว่าจะปล่อยหรือไม่ปล่อย ร้อนหรือไม่ร้อน นี่เป็นธรรมชาติรู้ที่ไม่ต้
แต่มันดันมีตัวเข้าไปเสือกใ
วิญญานเป็นตัวรับรู้สมมุติท
รู้จากทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายสัมผัส และรู้อารมณ์ใจ.
ผู้ที่ใจได้เรียนรู้ และรับรู้กลไกแห่งกระบวนการ
ใจจะวางของมันเองไปตามลำดับ
มีแต่ใจนี้ ที่สร้างเหตุขึ้นมา.
นี่…..ใจมันจะเป็นผู้วาง ใจจะไม่หวนคืนกลับไปยึดมั่น
แต่มันทำอะไรใจ หรือโน้มน้าวใจ ให้ไหลไปตามกระแสของโปรแกรม
แต่กาแฟก็ไม่ได้หายไปไหน ทั้งกาแฟและกลิ่น มันก็อยู่ในน้ำนั่นแหละ แต่มันไปเปลี่ยนแปลงน้ำในเข
กาแฟก็คือ กระแสที่มาผัสสะ ผัสสะยังไงน้ำในเขื่อนก็ไม่
น้ำมันไม่เปลี่ยนเป็นสีกาแฟ
ใจที่เข้าถึงโลกุตรธรรมมันเ
เป็นใจที่ไม่ตกอยู่ภายใต้ สัญชาติญานแห่งความหลง
มันเป็นใจที่อยู่ในโลกอย่าง
การเรียนรู้เหมือนน้ำที่สะส
เหลืออีกท่อน เป็นท่อนที่ 3 เป็นท่อนของกำลังใจเข้าสู่ โสดาบัน
ธรรมแห่งมุตโตทัยอันออกจากใ