
ฝึก….สติแทบแตก ตอนที่ 3
ศพที่นอนยาวเหยียด เวลามัดตราสังข์ ไม่ต้องอาศัยวงอะไรบรรเลง เพื่อบิ๊วอารมณ์ ยิ่งตอนเที่ยงคืนพวกแกเอ๊ย.
เมื่อเราไปถึง ให้กำหนดอสุภะ ที่อาจารย์ท่านกำชับมา มองตั้งแต่ขาขึ้นไปถึงหน้า ค่อยๆมองไต่ขึ้นไปพร้อมๆกำช
เมื่อพิจารณาแล้วให้เดินวนซ
ศพทีนอนเหยียดราบกับไม้กระด
ถ้าแถมลิ้นจุกปากตาปรือๆเข้
เที่ยงคืนคนเดียว เดี่ยวๆกับศพ มันยืนขาวโพลนในท่ามกลางควา
คาถาอย่าให้หลุด ไม่งั้นศพลืมตา ใจต้องตั้งมั่น นี่..เขาขู่ไว้ จ้องเข้าไปในใบหน้าศพ อย่าหลบมัน การเหยียบไม้กระดานต้องพอดี
เหยียบแรงศพกระดกพุ่งเข้าหา
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ศพยืนยิ้มแฉ่งคอห้อยอยู่เบื
เมื่อทุกอย่างจบสิ้น ดึงผ้าไตรออกมาได้ ค่อยๆถอยออกมา ปล่อยไม้กระดาน ศพก็จะค่อยๆเอนจากลงไป ลงไป… แล้วถอยออกมา ก้มลงกราบ เพราะศพเป็นอาจารย์เรา พิธืมันมีมาอย่างนี้
กุสโลบายนี้เมื่อผ่าน ก็จะมีจิตตั้งมั่นสมภูมินัก
ข้าเองก็ต้องผ่านเวทีนี้เหม
ข้าขอผ้าไตรผืนเดียว ข้าไม่มองหน้ามันหรอก พอไปถึงแทบจะแหกปากว่า มึงเอาม้าาาาา จะได้จบๆกัน ตอนเดินมา ขาข้าก็แทบไขว้กันอยู่แล้ว
ใจข้ามันระรัวมาร่วงหน้ากว่
ที่จริงไม่ต้องผ่านพิธีนี้ก
ขณะที่ดึงผ้าไตร แสงเทียนที่ข้าแอบเอามาด้วย
นึกอะไรไม่ออก พี่น้องเอ๋ย ข้าร้องเพลงชาติเลย จำเพลงชาติปลอบใจได้เพลงเดี
ศพก็สะท้านไปทั้งร่าง ด้วยแรงดึง เยี่ยวนี้ เล็ดออกมาเป็นลมทีเดียว ใจมันแทบจะขาด มันอื้อและตันจนบอกไม่ถูก
ทั้งหมด มันมีคนแกล้งข้า มันเอาผ้าไตรผูกมัดไว้กับศพ
เลยตัดสินใจถอยออกมา ปล่อยไม้กระดาน ศพหล่นดังตุ๊บ แขนศพหลุดจากด้ายตาสังข์ ผ้าไตรก็หลุดออกมา ข้าเอื้อมไปเก็บบอกว่าขอนะ บอกศพว่า ห้ามกระพริบตาหรือยักคิ้ว แพล็บขึ้นมา ถ้ากูบ้าละก็ กูกระทืบยอดอก ตายเป็นศพรอบสองเชียวนะมึง
สงสัยมันโอเค มันนอนหลับตาพริ๊ม ยิ้มแก้มตุ่ย ไม่หืออืออะไรกะข้า ที่สุด ฮ่าๆๆ ข้าก็ได้ผ้าไตร แม้จะผิดวินัยที่เขาสืบทอดต
แพ้ฟาวร์แต่ชนะน๊อกโวยยย นั่นเป็นพิธี สร้างขวัญกำลังใจ ในการฝึกจิตในสมัยก่อนนู้น เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว เป็นที่ท่องเที่ยว 9 วัดไปซะแล้ว ต้นไม้หายหมดแล้ว เจ๊ง..จิตเจ๊งไม่มีที่ฝึกจิ
วันนี้ว่าจะเล่าเรื่องการเด