****** “ตรงไหนที่เรียกว่าธรรม” ******
มีธรรมอีกมากมายที่ไหลออกไปจากใจ เป็นจำนวนว่า 1,700 เรื่อง ที่เราสามารถตามรู้ได้ง่ายๆ
มีเหตุมีผลที่ไม่เกินปัญญาเรา และที่สำคัญ มันอยู่ตรงหน้าเรา แต่เราไม่เคยที่จะเห็นมัน
เธอเห็นบ้านที่เธอพากันอยู่ไหม..!!
ตรงไหนที่เรียกว่าบ้านเธอ..!!
เธอก็คงชี้ว่า นี่ไง บ้านของฉัน..
นั่นแหละฉันรู้แล้วในความหมายของเธอ #ว่าบ้านฉันที่เธอกล่าว หมายถึงบ้านของเธออย่างไร
ฉันถึงได้ถามไง..ว่าไหน…บ้านเธอ…!!
เธอก็จะยืนยันว่า นี่แหละนี่แหละ บ้านของฉัน
ฉันจึงถามว่าบ้านนั้นอยู่ตรงไหน
ที่ตะปู ที่ผนัง ที่ปูน ที่หิน หรือที่ทราย
ตรงไหนในความหมายที่เรียกว่าบ้าน ชี้มาดู
เห็นไหม..ว่าบ้านหลังใหญ่ มันเป็นสมมุติของทุกสิ่ง มารวมกัน
บ้านจริงๆ นั้น มันไม่มี
ที่มี มันเป็นสมมุติของหลายๆ สิ่ง ที่รวมกันแล้วเราให้นิยามเรียกว่าบ้าน
บ้านจริงๆ นี้อยู่ตรงไหน หาเจอรึยัง
หรือเจอแต่คำว่าบ้าน มันอยู่ตรงนี้
หากยัง…ลองหาบ้าน ที่เราให้ความหมาย ว่าบ้านจริงๆ มันอยู่ตรงไหน….!!
ย้อนมาดูตัวเราก็เหมือนกัน
ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เป็นตัวเราหรือ
ยามเราป่วย ตัวไหนป่วย ลองถามดู
ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง มันป่วยหรือ รึมันไม่รู้ไม่ชี้
ยามเขาด่า ยามเขาว่า ใครหนอแสนเจ็บปวด
ตับ ใต ไส้ พุง กากอาหาร ที่เป็นขี้หรือ ที่มันเจ็บ
หาให้เจอว่าใครเจ็บ ใครเศร้า ใครกดดัน
พาหากันให้เจอ ว่าตัวเรามันอยู่ตรงไหน..!!
เจอเมื่อไหร่ วานบอกหน่อย ฉันจะได้ดับเหตุของมัน
ทุกอย่างที่เป็นฉัน ฉันยังไม่รู้เลย ว่ามันอยู่ตรงไหน
ท่านผู้รู้บอกว่า ฉันน่ะมันอยู่ที่ใจ
แล้วใจน่ะ มันอยู่ตรงไหน ช่วยชี้บอกที..!!
หวัดดียามค่ำ..!!
<<< สมัยหนึ่ง ข้านี่ได้ตั้งคำถามพระรูปหนึ่งที่เจอในป่า
ข้าถามว่า อะไรคือธรรม ท่านชึ้ไปที่ต้นไม้และถามกลับมาว่า นั่นอะไร..!!
ข้าบอกว่าต้นไม้ ท่านถามว่า ไหนต้นไม้
ข้าตอบว่า ก็นั่นไงครับ ที่อยู่ตรงหน้าเรา
ท่านบอกว่า ท่านไม่เห็นต้นไม้ที่ข้าบอก สิ่งที่เห็น ท่านเห็นแต่ใบ กิ่ง ก้าน เปลือก ที่รวมเรียกกันว่าต้นไม้
ข้านี้เข้าใจทันที จึงก้มลงกราบท่าน
และข้าก็ตอบท่านว่า ผมเองก็มองไม่เห็นเปลือก ก้าน กิ่ง ใบ ที่หลวงพ่อเห็น
ท่านยิ้มและเอามือตบไหล่ข้า บอกว่า นั่นล่ะ คือ ธรรมที่ท่านถาม
นี่…พวกเราเห็นอะไรไหม..!! ว่ามาซิ..!!
นี่..ชี้ให้เห็นถึงภูมิปัญญา และวาทะแห่งปราชญ์ที่มองเห็นในสิ่งเดียวกัน โดยไม่ต้องอธิบายความมาก
คนฟังอาจฟังไม่รู้เรื่อง หากเข้ามาฟังในสิ่งที่ถามตอบกัน
การเห็นนี่ เห็นด้วยปัญญาก็มี เห็นด้วยศรัทธาก็มี
เห็นด้วยตัณหาก็มี เห็นด้วยมานะก็มี เห็นด้วยทิฏฐิก็มี
เห็นไหม มันมีหลายเห็น ไม่ใช่ใช้ลูกกระตาเห็นแค่เพียงอย่างเดียว
การเห็นด้วยลูกกระตา มันเป็นธรรมที่คับแคบไป
ท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ ยามนกเหินไป มันย่อมมีจุดหมาย
ไม่ว่าฟ้านั้นจะกว้างใหญ่เพียงไหม
แต่จุดหมาย ในความกว้างใหญ่นั้น มันก็ยังมีอยู่เสมอ
แต่ยามเหินด้วยจินตนาการนี่ มันไร้ขอบเขตแสนจะกว้างใหญ่
เราใช้จินตนาการ ก้าวล้ำไปไกลอย่างไร้ขอบเขตและกว้างไกล
แต่ทั้งจินตนาการ และท้องฟ้าที่ไร้ขอบเขตกั้น
มันก็ออกไปจากใจและสายตาคู่นี้ที่มันมองเห็น
คนฉลาดน้อยย่อมใช้เพียงคู่นี้ และจินตนาการ ในการมองเห็น
เขาไม่รู้ว่า การมองเห็นที่ยิ่งใหญ่และไกลกว่านั้น ไม่ใช่โดนจำกัด อยู่แค่เพียงลูกกะตาและจินตนาการ
ทั้งจินตนาการและลูกกะตา มันเป็นแค่เชื้อหน่อที่เพิ่งผุดขึ้นมา เพื่อแสวงความเติบใหญ่
มันยังมีการเห็นที่กว้างไกลและใหญ่กว่านั้น
สิ่งนั้นที่กว้างใหญ่ และไร้ซึ่งเส้นชัย คือ ดวงตาประกอบด้วยจินตนาการที่มองเห็นธรรม
ตาที่มองเห็นธรรมนี่ มันอยู่ตรงไหนหนอ พวกเรารู้ไหม
ใครตอบได้ จะไล่ให้ไปนอน…!!! ตอบมาซิ
>>> ตาที่มองเห็นธรรม คือ ความเข้าใจในธรรม รึป่าวคะ
+++ ปัญญาครับ
>>> รู้ความเป็นธรรมดาค่ะ
+++ อยู่ที่เห็นว่า มันทั้งมีจริงและไม่มีจริง เห็นว่า ทุกสิ่งที่เห็นล้วนเป็นสิ่งสมมุติค่ะ
>>> ความเข้าใจในสิ่งที่เป็นอยู่
+++ อยู่ที่ความเข้าในทุกสรรพสิ่งค่ะ
>>> คือ ความเข้าใจ ความเป็นธรรมดาของสรรพสิ่ง ครับ
+++ สิ่งที่เราเห็นตรงตามความเป็นจริง
>>> มันก็เป็นของมันเช่นนั้นเอง
+++ ตาที่มองเห็นธรรม ไม่มีตาไหนเลยครับ ตาผัสสะอย่างเดียวก็ไม่ใช่ มันต้องอาศัยกันและกันครับ
>>> ทุกอย่างมันเป็นไปตามธรรมชาติของมัน
<<< ถูกทั้งนั้นแหละ ไปนอนได้แล้ว
พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 23 มิถุนายน 2559 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง