….พูดคุยและถกธรรมจากเรื่อง เมื่อไหร่…กรรมจะหมดซะที
หวัดดียามเช้าครับ ทุกท่าน อ่านเรื่องนี้แล้ว ลองย้อนไปอ่าน เรื่อง ผีจะเอาทำผัว หากเราวิเคราะห์เป็น โดยไม่อาศัยใครชี้ เรียกว่า เราเกิดการสอดส่องลงไปในธรร
จิตมันปรุงแต่ง มันทำงานไปตามกระแสแห่งผัสส
ใจก็อย่างหนึ่ง จิตก็อย่างหนึ่ง เราทั้งหลาย เข้าไม่ถึงตรงนี้ มันจึงมีปัญหา ในการเข้าใจธรรม มันมีเราไปเป็นเจ้าของ จิตกับใจ และที่สำคัญ เราแยกจิตกับใจ ไม่ออก เราเหมารวมกันคลุกๆ เคล้าๆ ว่า มันเป็นเรา
เมื่อมีเรารวมๆ กันเป็นเจ้าของ ทุกข์ทั้งหลายมันก็เกิดกับเ
มันก็เกิดคลุมครอบใจ และใจก็จะป้อนโปรแกรมทั้งหล
เหมือนคอมพิวเตอร์ที่ว่างเป
แล้วเราจะมาบอกว่า คอมฯและโปรแกรมนี้ เป็นเรา ที่แสดงออก มันก็คงเพี้ยนกันเต็มคราบ จิตก็เหมือนกัน มันแสดงออกเพราะมีใจ ไปย้อมโปรแกรม แล้วเราจะบอกว่า จิตนี้เป็นเรา มันก็เพี้ยนๆ อีกเหมือนกัน แต่เราไม่รู้ว่าเป็นการเพี้
หลงนี้ เป็นอาการหนึ่ง ที่เรียกว่า ” มโนวิปลาส ” มันแยกแยะไม่ออก เหตุเพราะขาดปัญญา มันเอาจิตมาเป็นตัวตน และไม่เข้าใจ ว่าอะไรคือจิต ที่กล่าวว่า จิตนี้ ประภัสสร นี่มันกล่าวแบบนิยามนักแปล ที่แปลในวลีของสุภัททะ ปริพาชก ในคืนวันปรินิพาน ที่มองดวงจันทร์
ท่านให้นิยามว่า ” จันทร์ ” มันก็งามสว่างกระจ่างใจของม
วลีนี้ มันมีนัยยะการแปล ที่เราเข้าใจนั้นเป็นเปลือก
เมฆนี้ คือตัวตน ที่สุด เมื่อโยนิโส จนประจักษ์ใจเช่นนี้ ท่านก็ละอุปาทาน ใจมันถอดถอน การยึดมั่นในตัวในตน บรรลุเข้าถึง สัจธรรมแท้ ตรงนี้ที่ยกตัวอย่างมา จะเห็นว่า จิตก็อาการหนึ่ง ใจก็อาการหนึ่ง
ทีนี้… หากอธิบายแยกย่อยลงไปอีก ว่าจิตอาศัยอะไร เป็นแดนเกิด เป็นแดนกำเนิด และใจ อาศัยอะไร เป็นแดนเกิด เป็นแดนกำเนิด มันก็ต้องให้ผู้รู้และเข้าใ
แต่หากอ่านเอาหนุกเอามันอย่
ในเรื่องผีจะเอาทำผัว เมื่อนำมาประกอบกับเรื่องนี
จึงดูว่า จิตมันยังเอา ซึ่งความเป็นจริง มันก็ต้องเอาของมันอยู่แล้ว
แต่จิต มันโดยย้อมและอบรมมา นับเป็นอสงไขยชาติ กำลังแต่ชาติเดียวและอบรมมา
ไม่กี่ปี มันก็เหมือนเอาน้ำหอม เตะปลายนิ้ว ไปกลบขี้ในส้วม มันคงหอมไปทั้งส้วมอยู่หรอก และคนทั้งหลาย ก็มักเข้าใจกันเช่นนี้ เอาตัวตนความคิดเข้าไปเป็น เข้าไปเท็จตัวเจ้าของ ให้หลงไปว่า มันเป็นของมันเช่นเจ้าของคิ ด นี่แหละ… ความโง่หลาย
ใจที่ไม่เอา และไม่ไหลไปตามภวังค์จิต มันก็ต้องฝืนโดยการไม่หลับ เพราะการไม่หลับ มันมีสติคุ้มครองอยู่ แต่หลับเมื่อไหร่ มันเป็นเรื่องของจิต จิตมันไม่มีสติคุ้มครองนะ จะบอกให้ มันดำเนินวิสัย ไปตามหน้าที่ นั่นคือปรุง ไปตามเหตุและปัจจัย ที่ไร้การควบคุม
สำหรับวิถีจิต พรหมจรรย์มันไม่เสียหรอก แต่มันฝืนยาก และที่สุด ใจก็จะไหลลงไปในกระแสจิตอีก
ตัวที่ทำหน้าที่เป็นองครักษ
เลี้ยงให้มันเป็นหมาใหญ่ ไม่ใช่เลี้ยงให้เป็นหมาน่าร
ภัยนี้คือความตาย อย่างน้อยหมั่นเลี้ยงหมาไว้
เช้านี้ มาโม้ในเพจ ขอความสุขความสวัสดี พึงมีแก่ทุกๆ ท่าน สวัสดี..
พระธรรมเทศนา จากบทธรรม เรื่อง กรรม…เมื่อไหร่จะหมดซะที.