เรามาว่าถึงการฟอกจิตกัน จิตทีฟอกดีแล้วย่อมเป็นจิตท
จิตที่ฟอกดีแล้ว เหมือนผ้าที่ฟอกจนสะอาด เมื่อสะอาดแล้ว ต้องนำไปย้อม
หาสีที่ถูกตามธรรม ย้อมจิตที่ฟอกดีแล้ว ให้มันสะอาด จิตที่ฟอกดีแล้วคือจิตที่เข
ธรรมดาจิตที่ไม่ได้รับการฟอ
เครื่องฟอกจิตให้สะอาดก่อนท
แต่การมีศีล ก็ต้องฟอกด้วยการมีสติ การมีสติก็ต้องฟอกด้วยการพ
การพิจารณาก็ต้องฟอกด้วยศรั
เมื่อได้รับฟังธรรมดีแล้ว ซึ่งต้องอาศัยการฟอกด้วการเ
การเข้าหาก็ต้องฟอกตัวตนให้
ความรู้ทั้งหลาย ถอดวางไว้ก่อน ฟังก่อน อย่าเพิ่งไปค้าน ถ้าค้าน ต้องค้านให้อยู่หมัด
จิตที่มันอ่อนลงตามสภาวะ ย่อมเป็นจิตที่เริ่มทยอยฟอก
จนถึงจิตเจ้าตัวเป็นจิตที่เ
ผู้มีสติคือผู้ที่มีศีล จิตที่เป็นศีลแล้วนี้แหละ จัดเป็นจิตที่ผ่านการฟอกมาจ
อะไรคือการย้อม อะไรคือสีที่ย้อม การย้อมมันต้องมีเครื่องย้อ
ต้องมีเครื่องย้อม เครื่องย้อมจิตที่เป็นศีลก็
เมื่อจิตมีสมาธิ ก็เริ่มดำเนินการย้อม ด้วยสติปัฏฐาน 4 อาศัยสติปัฏฐาน 4 เป็นหนทางดำเนินเติมสี ให้ถูกต้องตรงตามความเป็นจร
นั่นคือการพิจารณา กายนอก กายใน กายในกาย ย่อมเกิดสีขึ้นมาคือปัญญา ย่อมเห็นเวทนานอก เวทนาใน เวทนาในเวทนา
ย่อมเห็นสีย้อมขึ้นมาคือปัญ
ย่อมเห็นสีย้อมขึ้นมาคือปัญ
เห็นธรรมนอก ธรรมใน และเห็นธรรมในธรรม สีแห่งธรรมดาจะชัดเจนขึ้นมา
เหตุนี้ก็คือ “สมุทัย” สมุทัยด้านสมมุติก็ได้รับผล
มรรคคือสมุทัยด้านวิมุติ ได้รับผลก็คือดับ
อริยสัจ เป็นเรื่องของเหตุและผล มีเหตุนอกและเหตุใน เหตุนอกเป็นสมุทัย เหตุในเป็นมรรค เหตุนอกผลก็คือทุกข์ เหตุในผลก็คือนิโรธะ(ดับ)
ทั้งเหตุนอกเหตุใน เรียกว่าสมุทัยทั้งนั้น เพราะอาศัยการเกิด การกำเนิด จากใจดวงนี้ ใจที่มีตัณหาครอบครอง
มรรคก็เจริญด้วยตัณหา เป็นสมุทัยดำเนินมาทางฟากดั
สมุทัยก็เจริญด้วยตัณหา ดำเนินมาทางฟากก่อ
อริยสัจมีแค่สองทางคือ ฟากดับและฟากก่อ ถ้าเลือกก่อ ก็ดำเนินมาทางทุกข์
คือสมุทัย ถ้าเลือกดับ ก็ดำเนินมาทางมรรค ผลคือนิโรธ
อริยสัจคือเครื่องเลือกที่จ
ผู้ที่เข้าถึง จึงจะเป็นผู้ที่รู้จักอริยส
ฉนั้น อริยสัจเป็นชื่อเรียก ทางอันประเสริญ ที่เป็นความจริง ผู้เข้าถึงขั้นศีล ก็เรียกได้ว่าเป็นผู้เข้าถึ
เพราะอริยสัจเป็นหลักเหตุหล
เราเรียกว่าวงล้อแห่ง ปฏิจสมุปบาท
ผู้ที่เข้าถึงธรรมสูงสุด รู้จักสรรพสิ่งตรงตามความเป
พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 9 มกราคม 2557
โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง