ลอยกระทง

ลอยกระทง

1517
0
แบ่งปัน

Wat arun under loy krathong day ,Thailandเรื่องนี้คุยกันในไลน์ห้องธรรมเมื่อคืน นำมาอ่านกันหนุกๆ

วันนี้ เป็นวันลอยกระทง รู้ไหมว่าทำไมเรามาลอยกระทงกัน เราลอยกระทงกันทำไม 

“นมัสการค่ะ”
“เป็นการขอขมาพระแม่คงคารึป่าวคะ???”

“แกกลับกรุงเทพยังยุ้ย”

“นมัสการ พอจ”
“เพิ่งเหยียบพื้นแผ่นดิน อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิเลยค่ะ”

“แกขอขมาต่อพระแม่คงคา คิดได้แค่นี้รึ หูยยยย……ว่าไงก้อย เขาลอยกระทงกันทำไม นี่ไปลอยกันรึยัง”

“ก็เป็นการสืบสานประเพณี สักการะรอยพระพุทธบาท”
“ลอยกระทงเพื่อขอขมาและบูชารอยพระพุทธบาทจากชมพูทวีปโน้นนนน”
“เป็นการระลึกถึงการกระทำต่อแม่คงคา ยายบอกตอนเด็กๆ”

“ไม่ใช่ออกไปลอยกระทงกัน เพื่อหาคู่รึ นี่มันเดือนสิบสอง อากาศเย็นน่าจะเป็นเดือนผสมพันธุ์”

“อ้าวนู๋ไม่มีต้องหาสิถ้างั้น อิอิ”
“ถ้ามันง่ายขนาดนั้น หนูคงหาได้ทุกปีแล้วสิคะ”

“คุคุคุ ไหนช่วยบอกที ลอยกระทงกันทำไม เราขอขมาต่อพระแม่คงคา แล้วทำไมไม่มีประเพณี ขอขมาพระแม่ธรณีด้วยเล่า ไม่แฟร์ๆๆๆๆๆ คงไม่ใช่การขอขมาต่อพระแม่คงคาละม้าง พระแม่อื่นๆมีอีกตั้งเยอะแยะ”

“นั่นสิๆ งั้นคงเป็นการสักการะรอยพระพุทธบาทที่อยู่บริเวณริมน้ำ ที่อยู่ห่างไกล
ที่เราไม่สามารถเดินทางไปถึง จึงได้ลอยประทีปเพื่อเป็นพุทธบูชา”

“คุคุคุ ก็ลองคิดๆดูซิ คิดเหตุผลกว้างๆ หรือลอยเพื่อ เอาความซวยของเราให้มันไหลลงๆๆๆๆๆ ทะเล..”

“มีเรื่องเล่าว่างี้ครับ พอจ.
วันลอยกระทงคือวันแห่งการบูชารอยพระพุทธบาท ณ.ที่แม่น้ำนัมทานะที เพื่อระลึกนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ก่อนพระพุทธองค์จะทรงปรินิพพาน หลังจากทรงปรงมายุสังขาร หลังจากทรงปรงมายุสังขาร 3 เดือน โดยมียักษ์กับพญานาค เห็นว่าพระองค์จะทรงดับขันธะปรินิพพานแล้ว ต่างก็น้อมพร้อมใจกันกราบทูลพระทรงเสด็จประทับรอยพระพุทธบาทลง ณ.ริมฝั่งแม่น้ำนัมทานที ซึ่งตรงกับเดือน 12 เวลาเที่ยงคืนแห่งวันพระจันทร์เต็มดวงพอดิบพอดี จึงเรียกว่า วันเพ็ญเดือน 12 ส่วนการบูชาเราได้ทำตาม ยักษ์และพญานาคมาทุกวันนี้ ส่วนพวกเราทั้งหลายต่างก็โชคดี ไม่ต้องไปลอยที่น้ำแล้ว เพราะรอยพระพุทธบาท อยู่ตรงไหนก็บูชาตรงนั้นได้เลยนั่นแลพญานาค ต่างก็น้อมพร้อมใจกันกราบทูลพระทรงเสด็จประทับรอยพระพุทธบาท ลงณ.ริมฝั่งแม่น้ำนัมทานที ซึ่งตรงกับเดือน 12 เวลาเที่ยงคืนแห่งวันพระจันทร์เต็มดวงพอดิบพอดี จึงเรียกว่า วันเพ็ญเดือน 12 ส่วนการบูชาเราได้ทำตาม ยักษ์และพญานาคมาทุกวันนี้”
“นี่ก็เป็นข้อมูลที่น่าสนใจดี มียักษ์ กับ พญานาค ด้วย หลวงพี่คะ ในพระพุทธศาสนา ทำไมมีแต่กล่าวถึงพญานาค ไม่มีพญาครุฑ บ้างหรือคะ ????”

“คุคุคุ มันเป็นเรื่องแต่งๆกันมาน่ะ ชอบแบบไหนก็ว่ากันไป ใครเขียนขึ้นมาก็ไม่รู้ เรื่องครุฑ เขาไม่ได้เอ่ยถึงในคำภีร์ จึงไม่มีบทบาทอะไร ครุฑก็เป็นเรื่องแต่งอีก แต่งยังไงก็ได้ พญานาคเป็นงู ครุฑก็คงเป็นนกกระจอกเทศมั้ง คุคุ”

“แล้วเป็นศัตรูกันจริงๆ หรือคะ”
“รึว่าเป็นไก่งวง”

“มาๆๆๆๆข้าจะเล่า เรื่องลอยกระทงให้ฟัง แถวนี้ ใครมีอายุถึง 2500 กว่าปีขึ้นไปมั่ง คุคุ มาเป็นพี่เลี้ยงหน่อย เล่าเอามันส์หนุกๆ คุคุ

สมัยก่อนโน่น…เขาโม้มาอีกที ว่ามีพวกนาคที่เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา ได้ขอให้พระพุทธองค์ทรงประทับรอยพระบาท ให้แก่พวกเขาไว้กราบสักการะบูชา หลังจากที่พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงธรรม จนพวกเขาเกิดความเลื่อมใส เกิดศรัทธา ในสัจธรรมที่ทรงได้แสดง

เมื่อถึงเวลาพระพุทธองค์จะจากลากลับไป ก็ไม่ทราบว่าจะเอาอะไรมาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว

พระพุทธองค์ ทรงประทับรอยพระบาทไว้ เป็นรอยธรรม เพื่อให้เหล่าพวกนาค ได้ระลึกนึกถึงและเจริญรอยตามเบื้องบาทแห่งรอยพระพุทธองค์ เพื่อพวกเขาจะได้มีที่ยึดเหนี่ยวใจกัน

รอยพระบาทนี้ เป็นสัญลักษณ์หมายถึง การเจริญตามรอยพระบาทแห่งธรรม ที่ท่านทรงดำเนิน อันหมายถึง เดินตามทางแห่งสัจธรรมที่พระพุทธองค์ได้ทรงประกาศและแสดงไว้ จนกว่าจะเข้าสู่นิพพานหรือจนกว่า ชีวิตจะหาไม่

รอยนี้ เขาเล่ากันมาตามคำภีร์ว่า เป็นรอยประทับอยู่ที่ริมฝั่งลุ่มแม่น้ำ นัมมทานที ซึ่งเป็นที่อยู่ของชาวนาค คราวนี้ มันมีการโม้กันอีก นี่ผีโม้ คุคุคุ ฟังกันหนุกๆ

ท่านบอกว่า รอยพระพุทธบาทของชาวนาคนี้ ไม่ได้อยู่ริมฝั่งแม่น้ำ นัมมทานทีอะไรนี่
แต่อยู่ปากแม่น้ำ อโนธานที ที่ไหลออกไปสู่ทะเลโน่น

อ้าวๆๆๆ มีผู้แย้งอีกว่า ไม่ใช่อยู่ปากแม่น้ำตรงทางออกทะเล
โน่นเลย ออกไปในทะเลที่เป็นเกาะของชาวศรีลังกาโน่น นี่…เราก็ฟังๆๆกันไป คุคุคุ

และชาวนาคนั้น ก็ไม่ใช่พวกพญานาคอะไรตามที่เราเข้าใจกัน
คำว่าพวกนาค หรือชาวนาคที่อยู่ปากแม่น้ำในทะเลนั้น คือพวกชาวประมง

เขามีอาชีพ หาปลาเลี้ยงชีพเหมือนนาค นาคที่เหมือนแมวน้ำหรือพังพอน ที่ชอบกินปลาน่ะ เป็นอาชีพเลี้ยงชีพเขา ไม่ใช่พวกพญานาคอะไรที่เหมือนงูตามที่เราเข้าใจ และแต่งขยาบเรื่องพอกๆกันเข้าไป คุคุคุ

ชาวนาคหรือเรียกง่ายๆว่าชาวเล อาชีพที่พวกเขาต้องล่าปลามาเลี้ยงชีพ เป็นการตัดรอนชีวิตผู้อื่น ทำให้พวกเขาเข้าถึงความผู้บรรลุธรรมได้ยาก

เมื่อได้รับฟังธรรมจากพระพุทธองค์ ทำให้เขามีที่ตั้งแห่งใจ ในการที่จะรักษาใจไม่ให้ไหลไปในทิศทางที่ชั่ว

พุทธศาสนาสำหรับผู้มีปัญญา ย่อมมีกลอุบายออกจากความไม่ดีทั้งหลายได้ นั่นก็คือ การโยนิโสความพอเพียงในสิ่งที่กระทำ คุคุคุ แต่เรื่องนี้ ข้าจะไม่ขยาย

เมื่อชาวเลได้เร่ร่อน รอนแรมไปตามท้องทะเล เพื่อหาปลา พวกนี้เป็นพวกชาวเกาะ เดี๋ยวนี้เรียกว่าพวกชาวศรีลังกา ที่อยู่ตามเกาะแก่ง

เขาเป็นชาวเล ที่ร่นเร่มาอยู่แถวทางเกาะภาคใต้ของไทยเรา ทะเลมันถึงกัน ไล่มาทางพม่าด้านนี้

บรรพบุรุษของพวกเขา น้อบน้อมต่อพระพุทธองค์มาก เมื่อถึงวันพระเดือนเพ็ญหลังวันออกพรรษาไปแล้ว พวกเขาจะนำดอกไม้มาโยนลงไปในทะเล เพื่อเป็นการน้อบน้อมบูชาสักการะ รอยพระพุทธบาท ที่ปากแม่น้ำอโนธานที ในคืนวันเพ็ญเดือน 12

พวกเขาฝากพระแม่คงคา ช่วยนำดอกไม้อันเป็นเครื่องสักการะบูชา ส่งไปถึงแทบเบื้องรอย พระพุทธบาท ซึ่งพวกเขาไม่อาจกลับไปกราบสักการะบูชาได้ถึงสถานที่

ดอกไม้แห่งการกราบสักการะนี้ เป็นการนอบน้อมคุณพระรัตนตรัย ที่มีต่อรอยพระพุทธบาทแห่ง พระพุทธองค์เจ้า

ในยุคสุโขทัย นางนพมาศ ได้นำดอกไม้มาทำเป็นกระทงอันสวยงามถวายต่อองค์พระคลูมีไร คือพระร่วงองค์ไหนก็ไม่รู้ เพราะมีหลายพระร่วง เราจึงเกิดประเพณีลอยกระทงสืบทอดต่อๆกันมา คุคุคุ

สมัยก่อน เขาใช้วิธีโยนลงน้ำ เหมือนเราโยนดอกไม้เพื่อไว้อาลัยเพื่อนที่ตายจากไปนั่นแหละ
นี่…ดิบๆเลยเขาโม้มาอย่างนี้

เดี๋ยวนี้ มีคนเข้าใจว่า ลุ่มแม่น้ำ นัมมทานที อยู่ที่แหลมพรหมเทพ จังหวัดภูเก็ตนี่เอง

เพราะที่ปลายแหลม มีรอยพระพุทธบาทประทับอยู่บนก้อนหิน แต่เป็นรอยไม่ลึก เป็นหนึ่งในห้ารอยแห่งนัมมทานที ที่พระพุทธองค์ได้ทรงประทับไว้
ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเมืองไทยซะเยอะ ไทยเรานี้ สุดยอดแห่งรอยพระพุทธบาท

มีพระพุทธบาท 4 รอยที่ภาคเหนือ พระพุทธบาทที่สระบุรี รอยพระพุทธบาทที่ศรีลังกา รอยพระพุทธบาทที่แหลมพรหมเทพ และรอยพระพุทธบาท ที่ปากแม่น้ำ อโนธานที ที่เขาเล่าว่ารอยพระพุทธบาทที่สะดือทะเล มีพระอุปคุตเฝ้าดูแลรักษาอยู่ ก็คงเป็นที่นี่มั่ง.. นิทานมันเยอะ มั่วๆกันมา..

ไอ้เจ้ายุ้ย แกไม่ต้องเมา 2500 กว่าปี ใครจะโม้อะไรก็ได้ คุคุคุ แกอย่าเพิ่งไปเชื่อ ฟังเอาหนุกพอ

เราลอยกระทงตรงไหนก็ได้ ไม่เป็นไร เราเชื่อกันมาแล้ว เพียงแต่เรายังไม่สาวลงไปถึงเหตุ ของเรา ชอบศักดิ์สิทธิ์ไว้ก่อน

“ทำไมล่ะคะ?? ในเมื่อท่านเกิดเนปาล และอยู่ในอินเดียมาโดยตลอด แล้วมีรอยพระบาทประทับที่ไทยได้ยังงัย???”
“ผมลอยกระทงในบ่อแต่จิตน้อมระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างนี้ได้ไหมครับ พอจ.”

“ลอยตรงไหนก็ได้ วันนี้โม้กันแค่นี้นะ ไปๆๆๆลอยกระทงกัน”

“ยังค่ะ เราควรมาต่อเรื่องพระแม่ธรณี”
“ในพุทธประวัติเล่าว่า พระแม่ธรณีผุดขึ้นมาบีบน้ำจากมวยผม เพื่อช่วยต่อกรกับบรรดาลูกน้องพญามาร”
“ฟังเรื่องพระอุปคุตด้วยครับผม”
“แร้วที่เขาคิชกูฎละครับ..สงสัยๆ”
“เรื่องอากาสานัญจายะตนะผมด้วยนะครับพ่อ”

“เอาฆวยไม๊ยุ๊ย ข้าคนจิ้มแกคนอ่าน จะเอาเรื่องนั้นเรื่องนี้ คึคึ…ไอ้พวกบ้า..เอาเปรียบคนเฒ่าชรา คืนนี้พอแค่นี้ คุคุคุ หวัดดี….”