นี่…ตอนนี้ กว่าจะนำมาลงช้าหน่อย เพราะไม่ว่าง แต่ก็รับปากไว้ว่าจะนำมาลงว
หวัดดีจร้า ทุกคน นี่..ทุ่มกว่าแล้ว เมื่อกี้ ลงไปโม้ เรื่องการทรมารกาย คึคึ มุมมองที่ข้าแสดง มันมีมุมมอง ที่แตกต่างเสมอ
นี่..เป็นเพราะ ใจที่มันมีการโยนิโสอย่างละ
แม้เรื่องนั้นๆ จะเป็นเรื่องที่คนทั้งหลายต
ซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวแกเองก็ม
สิ่งที่นายช่างผู้มี แต่ความคิดของตัวเองถูก ทิฏฐิสูงจัด มันก็เห็นว่า สิ่งที่ถูก มันถูกแค่ องศาเดียว อีก 359 องศา มองไม่เห็น ทั้งๆ ที่มันก็มีหลากหลายกว่า
สิ่งที่จอมทิฏฐิ จะแสดงความคิดเห็นออกมาได้น
>> ตาลือ แกว่าแกเคยฝันไม๊ ?
ตาลือ..พยักหน้า
>> ข้าจึงกล่าวว่า ในฝัน คนเรามีเรื่องราวมากมาย รู้ไหม ว่ามันเกิดจากอะไร ?
แกไม่กล้าตอบ กลัวโดนสวน จ้องหน้าและนิ่ง
>> ข้าจึงกล่าวว่า ความฝัน มันก็เป็นอาการของจิต ที่มันปรุงแต่งไปเรื่อย แกคงไม่ตั้งโจทย์ก่อนนอนเพื
ตาลือพยักหน้า
>> งั้นแกฟัง… ความฝันมันก็คืออาการปรุงแต
ตาลือพยักหน้า
>> นั่นแหละ..แกคงไม่อึดอัดขัด
ตาลือพยักหน้า
>> เวลาแกฆ่าคนตายในความฝัน แกมีความผิด ต้องลงนรก ต้องติดคุก ให้ใจระทมไหม ?
ตาลือส่ายหน้า
>> เพราะมันเป็นความฝันใช่ไหม ?
ตาลือพยักหน้า
>> ฉะนั้น ความฝันมันไม่มีอะไรจริงเลย
ตาลือพยักหน้า
>> ที่ในฝันไม่ทุกข์ ไม่ว่าจิตจะปรุงแต่งอย่างไร
ตาลือแกนิ่ง เริ่มงงๆ
ฝันนี้..เป็นอาการอย่างหนึ่
แต่ลือรู้ไหม…ตอนตื่น ขึ้นมา เมื่อผัสสะทาง ตา หู ลิ้น จมูก กาย ใจ ทำไม ลือจึงเดือดร้อน ทั้งๆ ที่มันก็คือ อาการหนึ่งของจิต ที่อาศัยการปรุงเช่นกัน
แต่พอตื่น มันดันมีเจ้าของซะนี่ ที่จริง ลือรู้ไหม อาการแห่งจิต มันมีกระบวนการ การทำงาน คือการปรุง ไม่เคยหยุด ตอนอยู่ในภวังค์จิต มันก็ปรุง มันก็ทำงาน ของมันไปตามเรื่อง
พอตื่น นี่เรียกว่า เข้าสู่ วิถีจิต คืออาศัยประสาท กล้ามเนื้อเส้นเอ็น ตาหูลิ้น อะไรต่ออะไร ในการผัสสะแล้วปรุง จิตมันก็ปรุงไม่รู้ไม่ชี้ เหมือนในฝันนั่นแหละ
ต่างแค่ มันอาศัย วิถีกระทบแห่งเรือนกาย เป็นช่องทางของการปรุง คือ มันทำงานตลอดเวลา
พักจากนี้ ก็ไปทำงานในภวังค์
พักจากภวังค์ ก็มาทำงานในวิถีจิต
ทั้งสองฟากนี้..มันเสมอกัน คือมันเป็นเครื่องมือที่ทำง
เพราะต้องอาศัยการกระทบผัสส
ไอ้โปรแกรม พิทักษ์รักษาตัวนี่แหละ มันคิดว่า มันเป็นตัวตน มันเอาอาการการทำงานปรุงแต่
เป็นนั้นเป็นนี่ เป็นโน่น เป็นโน้น เป็นแม่งทุกอย่าง ที่มันคิดว่า ของกู ทั้งๆ ที่ จิตมันก็ปรุงไปตามอาการของม
มันทำงานไม่รู้ไม่ชี้ของมัน
นี่แหละลือ เขาเรียก อุปาทาน ท่านที่ถอดถอนอุปาทานได้แล้
ส่วนไอ้ที่ขัดหูขัดตาเรา นั้น ท่านก็ว่าไปตามสัญญาโปรแกรม
ที่มี มันเกิดจากโปรแกรมจิตที่ยัง
นรกจึงมี บาปบุญคุณโทษจึงมี สวรรค์ มี พรหมเทวา มีโลกมี และนิพพานมี ที่มี ล้วนแต่เป็นโปรแกรมสมมุติ เพียงแต่แก…ออกจากสมมุติไ
แกก็ต้องทุกข์กับความฝันที่
ตาลือตาโต และตะลึง เพราะไม่เคยได้ยินได้ฟังธรร
ทั้งๆ ที่รู้ที่เห็นอยู่เป็นประจำ
ที่สำคัญ เป็นกันทั้งโลก …. ธรรมวันนี้ในเรื่องของตาลือ
พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง