พระองค์ใหญ่…เมื่อไหร่เสร็จ ท่อน 1

พระองค์ใหญ่…เมื่อไหร่เสร็จ ท่อน 1

620
0
แบ่งปัน

1897806นี่..คุยโม้กันในห้องไลน์ หนูลักษ์รวบรวมมา จึงเอามาลงในเฟสซะเลย สดๆร้อนๆ เพราะช่วงนี้ กลางวันไม่ว่าง มีเพื่อนหลายท่าน อยากอ่านธรรมในไลน์…

หวัดดีจร้า ทุกคน ตอนนี้อากาศสบายๆ กลางคืนหนาว วันนี้จะคุยเรื่องไรดี วันนี้ ได้นั่งคุย กับตาลือ หัวหน้าคนงาน ถึงความเป็นจริงบางอย่าง ที่เราไม่เคยรู้ และข้าก็ไม่ค่อย จะบอกใคร เพราะดูว่า คนมันคงไม่เข้าใจ

จึงพูดเปรยๆ ออกไปในธรรมบางอย่าง และยกตัวอย่างนู่นี่นั้น ขณะพักงาน หลังพูดจบ เขาซึมซาบและได้ก้มลงกราบ ซึ่งปกติ เขาก็ไม่ค่อยได้ก้มลงกราบข้า แหนบพื้น อย่างวันนี้หรอก

แต่ดูแววตาและสีจิต เขาสว่าง และไม่นึกว่า ข้าจะพูดอะไรออกมาได้ ในสิ่งง่ายๆ ที่คนทั่วไปไม่รู้ เพราะปกติ ข้ามักจะหนักไปทางด่าแม่

ตาลือนี่ แกมีอาจารย์ของแกอยู่แล้ว แกกำลังเสาะแสวงหา เหรียญ หลวงพ่อหม่น อาจารย์แก แต่ข้าไม่รู้จัก ข้าเคยถามว่า เหรียญหลวงพ่อหม่น ขลังไหม

แกบอกว่า โหสุดยอด แกมีประสบการณ์มากมาย และอยากได้อีกซักเหรียญ ข้าถามว่า แล้วเหรียญหลวงพ่อหม่น ใส่แล้วกล้ารอดราวตากผ้าไม๊

แกเงียบ และส่ายหน้า ข้าจึงบอกแกไปว่า ถ้าใส่แล้ว ยังกลัวราวตากผ้า ให้แกเอาราวตากผ้ามาแขวนดีกว่า เพราะราวตากผ้า ขลังกว่าเหรียญ เพราะคนใส่เหรียญ มันยังกลัวเลย

ตั้งแต่นั้นมา แกก็เลย ไม่ค่อยมาอะไรกับข้านัก แกดูว่า ข้านี้ พูดเสียงดัง โวยวาย พูดจาไม่เพราะ พระอะไร พูดหีๆควยๆ แกว่างั้น

ไม่เห็นจะสวดมนต์ หรือทำอะไร วันๆ สั่งแต่งาน ดีหน่อย ที่กินอาหารมื้อเดียว มีเท่านี้ ที่แกรู้ และตัดสินข้า

วันนี้ คนงานคนหนึ่ง มันง่วงนอน ข้าถามว่า เมื่อคืน แกชักว่าวดึกไปรึไง คนงานอายแก้มแดง แต่ตาลือ คิดว่า พระไม่ควรเอาเรื่องเช่นนี้มาพูด

เพียงแต่ แกไม่แสดงออกมา ข้าจึงบอกว่า ข้านี้ ทำงานทั้งวัน เพราะอยู่คนเดียว กลางคืน ข้านอนพักจริงๆ แค่ ชั่วโมง รึสองชั่วโมงเท่านั้น

นอกนั้น ข้าเผยแพร่ธรรม ออกไป สี่ห้าทุ่มก็ทำกรรมฐาน พักช่วง ห้าทุ่ม ถึง ตีหนึ่ง หรือเที่ยงคืนครึ่ง ข้าก็ตื่นแล้ว เพราะกายมันเคยชิน

คราวก่อน จารย์ช้างมาจากไหนไม่รู้ ทำเท่ห์ แหกปากสวดมนต์ ตีหนึ่ง เสียงสนั่น จารย์ช้างแกไม่รูจัก กาละเทศะ ไม่รู้ว่าข้านี้ นอนนิดหน่อยแล้วลุกขึ้นทำกรรมฐาน

จึงออกจากห้องไปด่า จารย์ช้าง ไอ้พระหัวดอ พอดีตาลือแกอยู่ แกนอนฟังจารย์ช้างแหกปาก สวดมนต์ภาษาพ่อภาษาแม่ จารย์ช้าง สวดซะลั่นเขา สวดเบาๆ ไม่เป็น

แต่ทุกคนก็ทนนอนฟัง แต่ข้า จะทำกรรมฐาน ช่วงคนนอนสงัด ทำและพักยันเช้า กลางวันก็ทำงานต่อ

ฉะนั้น เมื่อเจอคนไม่เกรงใจ ข้าก็ไม่เกรงใจ เพราะข้าอยู่คนเดียว ข้าทำของข้าอย่างนี้ ตาลือแกเพิ่งรู้ว่า กลางคืน ข้าไม่ค่อยได้หลับนอน ทิฏฐิแกก็เลยลดลง เพราะแกตัดสินข้าผิด

เมื่อแกรู้แล้วว่า จริงๆ ที่แกเข้าใจ แกเอาความคิดแก มายัดเยียดให้ ข้าจึงยกตัวอย่างธรรมขึ้นมา ถึงความจริงอีกด้าน ที่เราไม่รู้ แล้วไปยัดเยียด

เพราะความยึดมั่นแห่งทิฏฐิเป็นเหตุ ข้าให้แกมอง ปัจจุบัน ที่ข้ากำลังทำ นั่น..เห็นไหม เศียรพระองค์ใหญ่ รู้ไหมสร้างมาทำไม

แกส่ายหน้า รู้แต่ว่า มันใหญ่ และไม่เคยทำมาก่อน ข้าบอกว่า นี่เป็นแค่วัตถุชิ้นหนึ่ง ที่ข้าทำเพื่อเป็นที่ตั้งแห่งความภูมิใจของเหล่าน้องพี่ ที่ได้ร่วมกัน ชดใช้และทดแทน บุญคุณแผ่นดิน

ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อเอาบุญ ข้าไม่ได้สร้างเอาบุญ ไม่ได้สร้างเพื่อชื่อเสียง ไม่ได้สร้างเพื่อให้ใครเข้ามาหา ไม่ได้สร้างเพื่อให้มันเสร็จ สมดั่งความปรารถนา

แต่สร้างขึ้นมา เพื่อ ชดใช้บุญคุณแผ่นดิน ข้าอยู่มีชีวิตด้วยการสละ กำลังและแรงกาย ความคิด ในสิ่งหนึ่ง เพื่อเป็นกองกรรมฐาน

องค์พระใหญ่โต ใช้เงินมหาศาล ใช้แรงงาน และเวลามาก ไม่มีทาง…ที่ข้าจะสร้างให้เสร็จได้ ดั่งใจปราถนาหรอก ข้ารู้ดี

แต่ข้าก็อยู่เพื่อทำทุกวัน และที่สำคัญ ข้าทำเสร็จทุกวัน การทำให้เสร็จ ของข้ากับของทุกคน มันคนละอย่างกัน ข้าทำ ไม่หวังเอาบุญ ไม่หวังเอากุศล ไม่หวังว่าต้องเสร็จ อย่างใครๆ เขาคิดเขาว่ากัน

หากว่าข้า ตกอยู่ในกระแสคำพูดคน ข้าก็คงมีชีวิตอยู่อย่างลำบาก เพราะต้องให้เสร็จสม ในทุกอย่างที่ได้ทำได้ปรารถนา

หากว่า ทุกอย่างได้สมดั่งความปรารถนา ข้าก็คงไม่รู้ว่า จะเอาวัตถุสิ่งของเหล่านั้น ไปกองวางไว้ตรงไหนดี เพราะมันคงมีมากล้น ในชีวิตที่อยู่มายาวนาน

ข้าทำงานที่ผู้อื่นคนทั้งหลาย ทำกันไม่ค่อยได้ เพราะข้าไม่เคยคิดว่า มันจะต้องเสร็จ มันจะต้องจบ ข้ามีหน้าที่ทำ ทำเมื่อไหร่ มันก็ทำเสร็จเมื่อนั้น เสร็จทุกวันในสิ่งที่ทำ

อะไรที่ยังไม่ได้ทำ มันจะเอาอะไรไปเสร็จ ผลงานที่ข้ากระทำไป มันจึงยิ่งใหญ่ เพราะไหนๆ ก็กระทำแล้ว ก็ให้มันทำด้วยความสละ

ทำเท่าที่เหตุปัจจัย และปัญญามันจะอำนวย แต่พอดีของข้า มันชอบทำใหญ่ๆ สันดานมันมีมาอย่างนี้ ไอ้คนที่ไม่เคยมาช่วย มาแบก มาขน หรือร่วมแรงร่วมใจร่วมทรัพย

ไอ้พวกนี้ ก็มักจะมีแต่คำถาม และชอบตำหนิ ไม่เคยคิดช่วยอะไรเลย ช่วยตำหนิและสงสัยเป็นอยู่อย่างเดียว เขาไม่เคยรู้ว่า เราทำเพื่อการสละ

เอาสิ่งเหล่านี้มาเป็นที่ตั้ง เพื่อการสละออก สละโดยไม่หวังสิ่งใด ข้าทำงาน ได้สละทุกวัน จึงเสร็จในใจข้าทุกวัน ที่เหลือจากนั้น มันอาศัยเหตุและปัจจัย ในการดำเนินของมัน ไม่เกี่ยวกับข้า หรือคำพูดของใคร

นี่..คือเป้าหมาย ในการกระทำ ทุกๆ อย่าง ไม่ได้ทำเพื่อให้เสร็จหรือไม่เสร็จ ตามโลกเขาว่า องค์พระนี้ เป็นการสร้างเปลือก เพื่อรักษาเนื้อเยื่อ

อันเป็นสัจธรรม และเป็นเครื่องอยู่ คือวิหารธรรมแห่งใจข้า ที่ถือการสละออก เป็นที่ตั้งแห่งใจ ฉะนั้น ข้าสร้างไป ไม่เคยหวังผลอะไรใดๆ อย่างที่ใครๆ คาดคิด และตัดสินกัน

และที่สำคัญ ข้าไม่เคยมีเงินกับเขาเลย ที่จะมาทำให้มันเสร็จ ตามโลกเขาว่า ข้าทำของข้า เสร็จทุกวัน ตามเหตุปัจจัยที่มีมาเกื้อหนุน ข้าเอาของข้าแค่นี้

ที่จริง ข้าคุยเกี่ยวกับเรื่องความจริงแห่งจิต ให้ตาลือฟัง แต่ที่โม้ๆ มานี่ เป็นองค์ประกอบ ก่อนคุยเรื่องภาวะจิต ในการสร้างองค์พระขนาดใหญ่

เพราะมีคนถามตาลือเขามา ข้าจึงอธิบาย แต่มาคุยในไลน์ เลยยกเอาการคุยตอนแรกๆ มาโม้ซะก่อน ธรรมมันไม่ไหล เข้าไปในเรื่องที่แสดงเกี่ยวกับจิต ที่คุยกับตาลือ

เพราะเราได้คุยและข้าได้อธิบาย การสร้างองค์พระก่อน พอดีวันนี้ โม้มามากแล้ว เรื่องจิตที่คุยกับตาลือ ก็ไว้คราวหน้า แต่ถ้าไม่มีใครทวง ข้าก็เบี้ยวนะ คึคึ วันนี้ ดึกแล้ว สวัสดี

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง