*** “ตื่นขึ้นมาอย่างฉลาด ก่อนชีวิตจะดับไม่มีวันได้ตื่น” ***
วันที่เรารู้สึกฉลาดขึ้นมา ก็คือวันที่เราเข้าใจว่า ธรรมดาของชีวิตมันก็เป็นธรรมชาติของมันเช่นนั้นเอง
หลายครั้งที่เราพลาดในการจะได้ทำสิ่งดีๆในชีวิต
นั่นเพราะว่าเรา ชอบผลัดวันประกันพรุ่งเป็นนิสัยเสมอ..
คิดจะทำจะพูดอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อใจ รีบๆทำก่อนที่จะไม่ได้ทำ
เพื่อนเอย รู้ไหมว่า ทำไมบางครั้งเราก็ชอบใจ บางครั้ง เราก็ไม่ชอบใจ
สิ่งเหล่านี้เกิดจากอุปาทานน่ะ ที่เข้าไปปรุงแต่งตัณหา
อุปาทานตัวนี้ มันเป็นอัตตาที่มันหลงยึดสืบๆต่อๆกันมาอย่างยาวนานเป็นภพเป็นชาติ
ตัณหาน่ะ เกิดขึ้นแล้วมันก็ดับไป
แต่อุปาทานที่เข้าไปปรุงแต่งตัณหานี่ มันทำหน้าของมันอย่างไม่ยอมวาง
พระพุทธองค์ท่านจึงให้หัดพิจารณาตัณหาที่เกิด เพื่อคลายอุปาทานที่มันไม่ยอมวาง..
อริยสัจนั้น วางอยู่ระหว่างตัณหากับอุปาทาน
ใจที่มีตัณหาผุดขึ้นมาไม่รู้จบนั้น มันผุดขึ้นมาตลอดเวลาด้วยเหตุแห่งความรู้สึก
อันเนื่องมาจากผัสสะที่อาศัย ตา หู ลิ้น ฯ เกิด
เมื่อความรู้สึกเกิด ตัณหาก็เข้าไปปรุงแต่งแหละ ตรงนี้ธรรมชาติของมัน ห้ามมันไม่ได้
แต่เรา..พิจารณาได้ ว่าสิ่งที่เกิดนั้น เราจะดำเนินไปในทิศทางใด
หากเราไม่พิจารณาตัณหาที่เกิด มันก็จะเดินไปในหนทางแห่งสมุทัย ปลายทางที่สุดแห่งหนทางนี้ก็คือทุกข์
แต่หากเกิดพิจารณาตัณหาที่เกิด มันก็จะดำเนินไปสู่หนทางแห่งมรรค
ปลายทางก็คือ ความทุเลา เบาบางไปตามลำดับแห่งตัณหา
นี่คือหลักอริยสัจ ที่พระผู้มีปัญญาท่านได้ทรงเห็นและชี้มาให้ผู้เดินตามได้มองเห็นครรลองของมัน
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง
20 มีนาคม 2563
ณ วัดป่าบุญญพลัง อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี