*** “ก้าวข้ามพ้น อย่างผู้ที่เป็นอิสระ” ***
สมัยหนึ่ง..พระพุทธองค์ยังไม่บรรลุพระสัมโพธิญาน
ท่านได้ฝึกไปตามข้อวัตรปฏิบัติต่างๆ ดั่งที่เช่นโลกเขาว่า และทำไปอย่างที่ตนเองนั่นเห็นว่า
ปัญจวัคคีย์ทั้งห้าก็ดูเทิดทูล เพราะเป็นไปตามคติความเชื่อที่ตนเชื่อว่า และโลกเขาว่า
วันหนึ่งเมื่อทรงเห็นความเป็นจริง ว่ามันไม่ใช่ทาง พระองค์ก็ทรงเลิกที่จะปฏิบัติตามความเชื่อของข้อวัตรเหล่านี้
ยังผลให้ปัญจวัคคีย์ทั้งห้า เห็นว่า พระองค์คลายตบะ หวลคืนกลับไปสู่ตัณหา ไม่ตั้งมั่นในการค้นหา เพื่อความพ้นโลก
พระองค์เห็นความจริง เป็นปัญญาอีกทางหนึ่ง ส่วนปัญจวัคคีย์ ยึดอยู่กับข้อวัตรปฏิบัติ ก็เป็นอุปาทานทางหนึ่ง
อีกท่านหนึ่งวางเพราะเห็นความจริง
อีกฟากหนึ่งบอกว่าเสื่อมเพราะยึดในข้อวัตร ที่ตนเห็นถูก
ทั้งสองส่วน แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง…
หากมีปัญญา เราจะมองเห็นว่า ธรรมชาตินั้น ไม่ได้ให้ค่าอะไรกับสมมุติที่เรายึดถือ
เป็นแต่คนเรานี่แหละยึดถือสมมุติที่เราสร้างขึ้นมาเพื่อมาครอบตัวเราด้วยอำนาจแห่งอัตตา
พระองค์ถอดถอนอัตตาในสิ่งที่ตนเคยยึด แต่ปัญจวัคคีย์ เต็มไปด้วยข้อยึดด้วยอัตตา
อีกฝ่ายหนึ่งเห็นธรรมชาติตามความเป็นจริงจึงเกิดการถอดถอน
อีกฝ่ายเห็นว่าการถอดถอน เป็นความผิดที่สังคมยอมรับไม่ได้ เป็นสิ่งที่ผิด
ชีวิตมักเป็นเช่นนี้ …
แล้วพวกเราล่ะ ยึดโดยไม่วางอย่างปัญจวัคคีย์ที่เห็นว่าตนถูก พระพุทธองค์ผิด เพราะยึดข้อวัตรเป็นเหตุ
หรือเข้าใจตามความเป็นจริงว่าที่ยึดที่ทำกันนั้น มันยังไม่ใช่ ไม่ใช่ตัวทำให้ใจตนหลุดพ้น
มันยังมีธรรมที่สูงกว่านั้น สูงกว่าการยึดมั่นถือมั่นในข้อวัตรปฏิบัติทั้งหลาย
แต่นั้นแหละ..คนที่ยึดมั่นถือมั่นในความดีในข้อวัตรปฏิบัติต่างๆ มันไม่มีวันเชื่อหรอก
ท่านก็จะเป็นอย่างปัญจวัคคีย์นั่นแหละ ที่ยึดข้อวัตรปฏิบัติจนขวางทางมรรคผลที่สูงขึ้นแห่งตน
ก้าวข้ามไม่พ้นหนทางที่จะดำเนินไปสู่ความเป็นอิสระ
อย่างลืม..ไม่ว่าจะอย่างไร เราก็คือมนุษย์อย่าลืมความเป็นมนุษย์ด้วยข้อวัตรปฏิบัติจนเลยเถิด กลายเป็นเทวนิยมไป
พระธรรมเทศนาวันที่ 5 กันยายน 2562
โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง