พระโสดาบัน…ใครบ้างที่ได้ชื่อว่าเป็น ท่อน 2

พระโสดาบัน…ใครบ้างที่ได้ชื่อว่าเป็น ท่อน 2

695
0
แบ่งปัน

10645026เมื่อวันเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา น้องๆ เพื่อนๆ พี่ๆ ได้เข้ามา ช่วยกันขนหิน ขนทราย ขนปูน ขึ้นไปบนภูเขา ช่วยกันผูกเหล็ก ยกตั้งเป็นเสา เพื่อเทฐานขนาดใหญ่ 

1 ใน 85 ต้น ด้วยความสุขในกุศลที่ได้ร่วมช่วยกันทำ บุญนี้ใหญ่หลวงนัก ขอให้ท่านได้ภูมิใจ เพราะเราได้ช่วยกันตอบแทนคุณแผ่นดิน โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

การที่ได้มาร่วม มาช่วย หรือร่วมมุทิตาจิตโมทนา เป็นการเจริญกรรมฐานอย่างหนึ่ง ที่เราอาจจะยังไม่รู้จัก

การที่ได้มีส่วนร่วม มาร่วม ได้ร่วม และมุทิตา โมทนา เป็นมหากุศลแห่งใจของอริยบุคคล ในกำลังแห่งทานบารมี การมีกำลังแห่งทานบารมี เป็นหน่อเนื้อให้เกิดใจเป็นอริยบุคคล นั่นก็คือ พระโสดาบัน

พระโสดาบัน เป็นมนุษย์ขั้นศีล การจะมีศีลได้ ใจผู้นั้นค้องเกิด ทานขึ้นมาสถิตย์ในใจ เป็นกำลังใจเรียกว่า บารมี พระโสดาบันประกอบด้วยกำลังแห่งทานบารมี มีศรัทธาเป็นที่ตั้ง

ทานบารมี ทำให้เกิด ศีลบารมี

ศีลบารมี ทำให้เกิด เนกขัมบารมี

เนกขัมบารมี ทำให้เกิด ปัญญาบารมี

ปัญญาบารมี ทำให้เกิด ขันติบารมี

บารมีทั้งหลายมาประชุมกันลงในใจที่เป็นทาน บารมีนี้คือ กำลังใจ

กำลังใจในแต่ละคนก็ย่อมไม่เท่ากัน การได้กุศลได้เสมอกัน แต่กำลังใจได้ไม่เท่ากัน

ขันติบารมี ทำให้เกิด วิริยะบารมี

วิริยะบารมี ทำให้เกิด สัจจะบารมี

สัจจะบารมี ทำให้เกิด อธิฐานบารมี

อธิฐานบารมี ทำให้เกิด เมตตาบารมี

เมตตาบารมี ทำให้เกิด อุเบกขาบารมี

นี่…ทานแห่งเราที่ได้มาร่วมกันชดใช้แผ่นดิน บารมีทั้งสิบ ประชุมพร้อมรวมกันในหัวใจอันเป็นทานที่กระทำได้ยากยิ่ง ขอพวกท่านจงภูมิใจ ในผลแห่งทาน

ข้าเอง อันมีธรรมหลั่งไหลออกมาโดยไม่รู้จบ อธิบายธรรมได้อย่างละเอียดพร้อมเหตุพร้อมผล ที่หาข้อแย้งไม่ได้

และแสดงผลแห่งธรรมได้อย่างประจักษ์ใจ แก่เหล่าสาธุชน ก็อาศัยกำลังผลแห่งทาน ที่ได้กระทำด้วยความตั้งใจ เป็นปฐมมูล เรียกว่า ใจมันยอมที่จะ สละ..

การสละ เป็นกรรมฐานกอง จาคานุสสติกรรมฐาน

เราจะรู้จักหรือไม่รู้จัก การสละนี้เป็นกรรมฐานที่เป็นทานอันสูงส่ง ทำได้ยากยิ่ง

ใจที่มีจาคานุสสติกรรมฐาน คือใจที่ระลึกถึงบุญกุศล ที่คิดจะทำ กำลังทำ และได้กระทำไปแล้ว เป็นใจที่เป็นกุศล พร้อมมูลในเหตุแห่งแนวทางที่ก้าวขึ้นไปเป็นใจที่เป็นพร

พระในที่นี้ เป็นพระที่มีเมียมีผัวได้ ไม่เลือกเพศ นั้นก็คือ พระโสดาบัน..

คำว่าพระโสดาบันนี่ เป็นชาวบ้านชั้นดี ที่มีใจประกอบด้วยกุศลแห่งทานอันเป็นที่ตั้ง

คนที่ไม่มีทานอันเป็นเครื่องอยู่แห่งใจ เป็นใจที่อยู่ห่างไกลจากความเป็นใจแห่งอริยชน ที่เรียกว่า พระโสดาบัน

พระโสดาบัน ประกอบด้วย ปัญญาที่รู้แจ้งแทงใจ ในความเป็นจริงเบื้องต้น ของการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เรียกว่า เป็นมนุษย์ขั้นศีล

มนุษย์ขั้นศีล ประกอบด้วยเหตุแห่งทาน คือการสละ เป็นเหตุปัจจัย การสละนี้เป็นกรรมฐานกองใหญ่ เรียกว่า จาคานุสสติกรรมฐาน

กรรมฐานคือ การกระทำอันเป็นที่ตั้งแห่งใจ ในที่นี้คือ การมีใจที่เสียสละ

ผู้ที่ยอมเสียสละ เป็นจาคานุสสติกรรมฐาน

ย่อมเป็นเหตุปัจจัยให้เกิด สีลานุสสติกรรมฐาน

สีลานุสสติกรรมฐานย่อมเป็นเหตุปัจจัยให้เกิด เทวตานุสสติกรรมฐาน

นี่..ทานอันเป็นกุศล ยังผลให้เกิด

จาคานุสสติกรรมฐาน

สีลานุสสติกรรมฐาน

เทวตานุสสติกรรมฐาน

เป็นกรรมฐานกองใหญ่ ในอนุสติทั้ง 10 ของกรรมฐาน 40 กอง

กรรมฐานสามกองนี้ เป็นกองกรรมฐานแห่งพุทธบุตรที่มีใจศรัทธาจริต

หากใจที่ขาดศรัทธาจริต กรรมฐานสามกองนี้ ไม่มีที่ว่างให้เข้าไปสิงอยู่ในใจ

ที่พระพุทธชินสีห์ท่านได้ชี้นำเอาไว้แก่ บุรุษผู้มีจริตทั้ง 6

ผู้มีกรรมฐานทั้งสามกองนี้ได้ ก็เนื่องด้วยใจที่ระลึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่ตั้ง

ผู้ที่ระลึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อันเป็นที่ตั้ง ย่อมเป็นผู้ที่มีใจเป็นกรรมฐานในกอง

พุทธานุสติกรรมฐาน

ธรรมมานุสติกรรมฐาน

และสังฆานุสติกรรมฐาน

นี่..ผู้ที่ได้อุทิศแรงกายมาร่วมใจทำกองกุศลใหญ่ กรรมฐานทั้ง 6 กอง และบารมีทั้ง 10 เข้าไปประชุมพร้อมเป็นมหากุศลอยู่ในใจ

หากเราระลึกได้ว่า ถ้ากายนี้ต้องแตกสลาย ในขณะที่มีใจแห่งกรรมฐานประชุมพร้อมกันอยู่

เราย่อมมั่นใจว่า ใจดวงนี้ มีหนทางไปในหนทางแห่งความสว่างแน่ นี่..มันมั่นใจเช่นนี้ โดยไม่ต้องมีใครมาคอยพยากรณ์ให้

เราเรียกความรู้ที่มั่นใจในเรื่องนี้ได้ว่า เป็นญาณทัศนะ

ญาณทัศนะบังเกิดได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปนั่งหลับตาเพื่อให้เกิด วิปัสสนา การรู้แจ้งแห่งญาณอะไรเลย นี่..มั่นใจ ตายตอนนั้น ไปสว่างแน่นอน ไม่ว่าจะเคยทำชั่วมาแค่ไหนก็ตาม ขอให้มีสัตบุรุษเป็นผู้ขี้ทาง

หากมีปัญญาสูง สติสูง ประคองอารมณ์ใจนี้ไว้ และสร้างสติให้เกิดความละอายต่อความเลวทั้งหลาย

ระลึกไว้ว่า เกิดอีก ก็ต้องมาเหนื่อยอีก มาจากอีก มาพรากอีก มาทุกข์กับสิ่งที่ไม่ได้ดั่งใจอีก ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนอีก

ต้องตายอีก อย่าได้หลงในการอยากเกิดอีกเลย คิดระลึกอยู่เช่นนี้ หนทางสว่างมีแล้ว กองกรรมฐานมีแล้ว บารมีมีแล้ว สติมีแล้ว ปัญญามีแล้ว …

นี่…กายแตกเมื่อไหร่ ท่านเรียกว่า ใจดวงนี้ เป็นใจที่เป็น พระโสดาบัน พระโสดาบันอาศัยกำลังใจเล็กน้อยแค่นี้ ไม่ได้ยากเย็นอะไร

เพียงแค่สอดส่งระลึกถึงกุศลไว้ด้วยปัญญา มีความละอายต่อความชั่ว และหมั่นพิจารณาไว้ว่า เกิดอีก ต้องมาเหนื่อยอีก มาจากอีก มาพรากอีก มาแก่อีก มาตายอีก มองมันให้เห็นความจริง

และตั้งสติ ลด ละ เลิก ในสิ่งที่เป็นภัยต่อใจและเป็นอกุศลต่อจิต ตายเมื่อไหร่ กำลังใจไปสว่างแน่นอน เรียกว่า พระโสดาบัน

กลับมาเกิดไม่เกิน 7 ชาติ 3 ชาติ 1 ชาติ ก็จะสำเร็จมรรคผล เข้าสู่พระนิพพาน นี่..พระนิพพาน เริ่มจากใจที่อาศัยทาน ในกอง จาคานุสสติกรรมฐานเป็นเหตุปัจจัย..

เช้านี้มีกิจแล้ว ขอสาธุโมทนาบุญกับ พระโสดาบันเป็นอย่างต่ำทุกๆ ท่าน ขอสาธุคุณ…

พระธรรมเทศนา จากบทธรรม เรื่อง ถามตอบ เดินจงกรม ณ วันที่ 30 กันยายน 2557
โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง