พวกสกปรก

พวกสกปรก

1376
0
แบ่งปัน

10383040มีเพื่อนมันคอมเม้นท์มา ว่าธรรมกะ สกปรก จึงนำมาเล่าสู่กันฟัง

>> คำถาม : อรุณสวัสดิ์ยามเช้าค่ะ ไม่ชอบแต่มาตามอ่าน…มันไงกันนี่? มันน่าขำนะคะ…เป็นเรา ไม่ชอบไม่ตามไม่อ่านไม่ดูค่ะ อันนี้เรียก…เจ้าเวรนายกรรมรึเปล่าเจ้าคะหลวงพ่อ?

<< พระอาจารย์ : ฮ่าๆๆ เป็นธรรมชาติที่ต้องเผชิญกับใจผู้คน Sine Desire โดยเฉพาะพวกพระทุศีล ธรรมนี้ มันแผดเผาใจ

ธรรมกะ มีทั้งมิตรและศัตรูที่ท่านถูกใจและไม่ถูกใจ ทั่วแผ่นดิน นี่..เป็นธรรมดาของเหตุและปัจจัย

ความชอบใจและไม่ชอบใจเป็นเรื่องของใจคน ขอให้เรา…ยอมรับมัน ว่ามันเป็นธรรมดาของมัน เท่านั้นเอง

>> คำถาม : พระอาจารย์ ไม่อาบน้ำเหรอคะ ท่านตูมตาม ได้กลิ่นคะ………อิอิ

<< พระอาจารย์ : เรื่องไม่อาบน้ำนี่ ตอนอยู่ป่า ก็ใช่ว่าจะได้อาบ อยู่เป็นเดือนๆ จนจีวรมีเห็ดขึ้น

ก็ใช่ว่าจะได้อาบ อยู่เป็นเดือนๆ จนจีวรมีเห็ดขึ้นกันเลย Maem Mami ยิ่งการแปรงฟันนี่ ไม่ต้องพูด ไม่มีแปรงและยาสีฟัน

อะไรๆๆ ก็ไม่มี มีแต่ตัวเหม็นๆ กับหัวใจที่ตั้งมั่นอยู่ และรอดมาได้ คนสะอาดๆๆ ก็ต้องทำใจหน่อย หากเฉียดเข้ามาใกล้

นี่.. เพิ่งลงมาจากภูเขา ขึ้นไปดูการตั้งฐานองค์พระมา เดี๋ยวพวกมาช่วยๆทำ ก็จะไม่อยู่แล้ว

ที่นี่มันอยู่ยาก อยู่ลำบาก ขึ้นทีลงทีก็เหงื่อโทรมกาย เสื้อผ้านี่ เป็นขี้เกลือขาวเชียว

เรียกว่า อยู่อย่างสกปรกอย่าง ตูมตาม มันมันว่ามานี่ถูกต้องเลย

คำว่าสกปรกนี่ มันมีหลากหลายและหลายนัยยะ เราจะมาพูดโพล่งๆ ไม่เจาะจงนี่ ไม่ได้ เดี๋ยวอายหมามัน

ตัวสะอาด แต่ปากหมาเพ่งโทษผู้อื่น นี่ ก็พวกสกปรก

ชอบติเตียนโดยไม่พิจารณาก่อน นี่ ก็พวกสกปรก

ถือมั่นความคิดตน คนอื่นเลว นี่ก็พวกสกปรก

ทำลายความดีผู้อื่น โดนไม่ไตร่ตรองก่อน นี่ก็พวกสกปรก

จริงไม่จริงไม่รู้ ขอกูด่าไว้ก่อน หากไม่ถูกใจ นี่ก็พวกสกปรก

ความสกปรกมันมีมากมายและหลากหลาย พวกสกปรกใน นี่..มันสกปรกร้าย

ตัวสกปรก ใจไม่สกปรก นี่ไม่ใช่พวกสกปรก

ไม่อาบน้ำ ไม่เช็ดตัว ไม่ถูสบู่ ไม่แปรงฟัน แต่มีใจอันเป็นกุศล นี่ ก็ไม่ใช่พวกสกปรก

มันมีสกปรกนอก มีสกปรกใน

สกปรกนอก ยังพอล้างได้ สกปรกใน คือพวกใจสกปรก นี่..มันล้างยาก

ใจสกปรก มันก็เฝ้ามองเพ่งโทษความผิดของผู้อื่น ทั้งๆ ที่เจ้าตัวก็ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวอะไรให้เดือดร้อนใจ

แต่พวกสกปรกใน ใจมันสกปรกหนาจนเป็นสันดาน ล้างด้วยสารเคมีอะไร ใจมันก็ไม่สะอาดขึ้นมาได้

ขอบใจที่มองเห็นความสกปรก บอกด้วยซิว่า มันสกปรกใน หรือสกปรกนอก

เจ้าของสกปรก จะได้ชำระล้างให้ถูกใจได้ถูก..

คนสะอาด มันก็ย่อมสกปรกง่าย แต่ข้ามันสกปรกอยู่แล้ว สกปรกต่ออีกหน่อยมันก็ไม่เป็นไร มันสกปรกอยู่แล้ว

สกปรกเพราะขี้เกียจนี่ก็มี

สกปรกเพราะเห็นความเป็นธรรมดานี่ก็มี

สกปรกเพราะฝึกตบะนี่ก็มี

สกปรกเพราะทำลายราคากิเลสนี่ก็มี

สกปรกเพราะเป็นคนสกปรกนี่ก็มี

ข้าเองไม่ได้ชอบหรือไม่ชอบสกปรกหรอก มันคือๆกันมันจึงอยู่อย่างสบาย ไม่หนักอกหนักใจอะไรมากมาย กับการแสวงหา

สมัยหนึ่ง ได้ท่องเที่ยวอยู่ในป่า ได้ไปพบพระอาจารย์รูปหนึ่ง ตบะแก่กล้ามาก ท่านนั่งจนขี้ค้างคาวท่วมเอว ไปครั้งแรก เห็นแล้วก็อึ้ง โลกนี่มีท่านเหล่านี้อีกหรื

ครั้งที่ไปเจอภายหลัง ท่านลุกออกจากการนั่ง กลิ่นกายและเสื้อผ้า เหม็นและเน่า จนน่าขยะแขยง

เอาอาหารถวายให้ท่าน ท่านก็เอามือที่ด่างดำ หยิบอาหารเช้าปาก

เราเอาน้ำให้ท่านล้างมือ แต่ท่านยิ้มและส่ายหน้า

ท่านบอกว่า ข้างนอกนี่ มันสะอาดกว่าข้างในที่เป็นรูปกายท่าน

ข้างในที่เป็นรูปกาย มันห่อหุ้มเนื้อเน่าเหม็นและขี้เยี่ยว เป็นส้วมเคลื่อนที่

มือที่ติดขี้แห้งๆ ของค้างคาว หยิบอาหาร มันยังสะอาดกว่า ของเน่าเหม็นภายใน ที่เราเป็นเจ้าของมัน

ภายในตัวท่าน มันมีพยาธิ เชื้อโรค และสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนมากมายกว่าที่เราเห็นข้างนอก ว่ามันสกปรกด้วยตาเราซะอีก

กายที่สกปรกอยู่แล้ว เต็มไปด้วยเชื้อโรคและของเน่าเหม็นอยู่แล้ว มันเป็นรังของโรคอยู่แล้ว สกปรกภายนอก มีหรือที่จะมาสู้กับสกปรกภายใน

ใจที่เห็นชัดเช่นนี้ มันก็เป็นใจที่อยู่เย็นสบาย อยู่กับสกปรกก็ได้ อยู่กับที่คิดว่าสะอาดก็ได้ ใจมันไม่เดือดร้อน

สกปรกมันเกิดจากใจเข้าไปสมมุตินิยาม มันเป็นใจที่มองออกไป มันไม่เคยมองใจของมัน ว่าใจมัน สกปรก หรือมันเป็นใจที่สะอาด

ใจที่สะอาด แม้อยู่ในท่ามกลางความสกปรก มันก็แค่ความสกปรกมันห่อหุ้มความสะอาดแห่งใจ
ใจที่มันสกปรก แม้สะอาดแค่ไหน มันก็ห่อหุ้มใจ ที่มันโสมมและสกปรก

ใจที่มันโสมมสันดานเสียและสกปรก มันไม่แยกแยะผิดถูกชั่วดี มันเป็นใจที่ชอบเพ่งโทษ
ของกูสะอาดดี แต่ของมึงอัปปรีย์ จัญไร แสนสกปรก

นี่..ท่านว่าอย่างนี้ ยังจำได้ไม่ลืม นักเพียรปฏิบัติภาวนา ที่กายแสนเน่าเหม็น แต่มีกลิ่นแห่งศีลอันหอมหวลทวนลม ท่านรำพึงรำพันขึ้นมา

ตั้งแต่นั้นมา เมื่อเข้าอยู่ป่า ข้าก็ไม่เคย มีแปรงสีฟัน สบู่ มีด ไฟ กลด หรืออะไร ไปแบบจีวรผืนสังฆาฏิพาดป่า ย่ามใส่บาตร ไม่เคยเอาอะไร โน่นเลยออกไปไกลๆจากผู้คน

อยู่ท่ามกลางป่านอนตามพื้น น้ำท่าไม่ต้องอาบ ฟันฟางไม่ต้องแปรง เพราะไม่ค่อยได้กินอะไรอยู่แล้ว อย่างดีก็ยอดไม้ใบไม้ เคี้ยวๆพอมีแรงแค่อยู่ได้

แต่ร่างกายผิวกาย ใครเห็นเข้า มันแสนสกปรกและถอยหนี นี่..มันอยู่ได้ มันไม่เอาอะไร ที่เป็นไปเพื่อความยุ่งยากในการแสวงหาอีกเลย

อยู่อย่างสกปรกที่โลกเขาไม่นิยมกัน แต่เป็นความสะอาด อย่างสัตว์ป่า..ข้าแสนภูมิใจ ที่ใจดวงนี้ มันไม่ได้สกปรกให้พวกใจสกปรก มันได้ด่าว่ากัน

พระธรรมเทศนา จากบทธรรม เรื่อง ความว่าง ต้องว่างในสิ่งที่มี ณ วันที่ 30 กันยายน 2557
โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง