อย่าเป็นคนราคาถูก ด้วยการขายสัจจะ

อย่าเป็นคนราคาถูก ด้วยการขายสัจจะ

268
0
แบ่งปัน

*** “อย่าเป็นคนราคาถูก ด้วยการขายสัจจะ” ***

ข้าจะเล่าให้ฟังซักเรื่องหนึ่ง…

สมัยหนึ่ง…ข้านี่ทำงานอย่างเดียว มันมีเงินอยู่ในงาน ข้าเป็นคนหมุนเวียนเงินเยอะ จ่ายๆไปก่อนจนไม่มีเงิน

และคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย
เงินสดในเป๋าขาดแต่ไม่เป็นไร
กะว่าเราก็ขับรถไปหาลูกค้ากันเลย

งานอยู่ในมือ ไม่น่าเชื่อว่าครอบครัวจะเงินขาดมือ

ไม่มีใครเก็บเงินสดไว้ ในธนาคารก็ไม่มี
จึงขับรถออกไปทั้งครอบครัว

กะไปคุยงานและเก็บเงินลูกค้าแล้วไปเฮตรงชายทะเลไหนก็ได้

แต่เพื่อความชัวร์ ข้าเข้าไปเลือกพระทองคำมาองค์หนึ่ง จากหลายๆองค์

กะว่าหากผิดพลาดไม่ได้เงิน ก็เอาพระทองคำนี้นี่แหละ เอาไปขายก่อน นักเล่นพระคงซื้อ

ชีวิตไม่เคยขายพระ มีแต่ซื้อพระ ตังค์ไม่มีแล้วขอนิมนต์ก่อนหลวงพ่อ

เราไปกันตั้งแต่เช้า ลูกค้ามีปาร์ตี้ เขาจัดงานให้ลูกน้องในองค์กรเขา

ข้าให้ครอบครัวสองแม่ลูกรอในรถนอกหมู่บ้าน
ตัวเองก็เข้าไปคุยงานกะลูกค้า
แต่ลูกค้าไม่ว่างเพราะเป็นแม่งานปาร์ตี้

ข้าจะกลับ เขาก็ไม่ยอมให้กลับ
บอกว่าอยู่ร่วมงานกันก่อน
กินอะไรกันก่อน

เที่ยงแล้ว ข้ากินไม่ลง ลูกข้าคงหิวแย่แล้ว
เมียข้าก็คงหิวรออยู่ในรถ

ใจข้าเริ่มร้อนรน
เวลามันผ่านไปนานมากสำหรับข้าผู้รอคอย

เงินสดมันหมดตั้งแต่เมื่อวานตอนเที่ยงนู้น
กะไปกินข้าวกันหน้าปากซอย
ค่อยให้เงินเขา เสือกอายและไม่กล้าอีก
กลัวเขาว่าและดูถูก

จ่ายเงินให้แก่ลูกน้องไปโดยไม่ดึงเงินไว้
คิดว่าไม่เป็นไร

แต่เราไม่ได้กินอะไร น้ำมันก็จะหมดถัง
ดูว่าเรื่องเล็กน้อย แต่มันก็อับจนตัวเอง

ของเก่าสะสมมากมาย มันกินไม่ได้ ขายก็เสียหน้า

นี่ข้าอยู่บ้านลูกค้า บ่ายกว่าแล้ว ทุกคนดูสนุกสนานเฮฮา

แต่ข้าทุกข์ใจเจียนบ้า ข้าหิวมาตั้งแต่เช้าแล้ว
ครอบครัวข้าก็ไม่ต่างกันเพราะยังไม่กินข้าว

มารยาททางสังคม บ่มเพาะให้เราต้องยิ้มแย้มพร้อมๆกับคำว่า ไม่เป็นไรๆ ผมทานมาแล้ว

อาหารอยู่ตรงหน้าข้า
ข้าหยิบเข้ามาใส่ปาก
เพื่อให้ตนเองบรรเทาหิวไม่ได้

มันกินไม่ลง มันมีคนรออยู่ข้างหลัง
และเขาก็รออย่างกระวนกระวายใจเลยทีเดียว

เอาอาหารออกไปให้ก็ไม่ได้
มารยาททางสังคมมันค้ำคออยู่
ปากก็บอกว่าไม่เป็นไรๆๆ
แต่ภายในกล้ำกลืน และไม่รู้จะทำอย่างไรดี

ลาเจ้าของบ้านไปดีไหม
ไปให้ทัน ก่อนร้านซื้อขายพระจะปิด

ยังไงก็ขายพระกินก่อน
ค่านั่น ค่านี่ เป็นคนมีค่าอีกเยอะแยะที่ต้องใช้

แต่ใจไม่กล้า ออกไปก็เสียสัจจะทางสังคม
นี่ลูกค้าเรา แต่โน่น..ครอบครัวเราเขาหิว

ค่ำแล้ว…
ข้าก็ต้องนั่งอยู่ในงานกับเจ้าของบ้าน

อาหารมากมาย ไม่กล้ากิน
มันหอมหวลด้วยกลิ่นบาร์บีคิวย่างพร้อมซอสน้ำจิ้ม

ข้ากินมันไม่ลง ไม่กล้าบอกว่า ครอบครัวรออยู่ด้วยความหิว

ใจอยากจะเอาอาหารตรงหน้า
กอบโกยไปให้คนรอ
และกินๆๆๆให้มันหนำใจ

แต่ตอนนั้น ได้แต่นั่งมอง
และต้องแสดงท่าทางมัณฑนากรผู้ออกแบบอย่างเท่ห์ๆให้ใครๆเห็น

ถ้าข้าเอื้อมมือไปหยิบอาหารมาใส่ปาก เพื่อบรรเทาความหิว

มันเหมือนว่า ตัวเราเองกำลังหักหลังคนที่ร่วมชะตาเดียวกับเรา

มันทำไม่ได้ มันทำไม่ลง มันดูว่าเรากำลังเห็นแก่ตัว ใจมันรับไม่ได้

ที่สุดราวสามทุ่ม…ข้าก็ได้คุยกับเจ้าของบ้าน
ปรากกฏว่า

งานที่ข้าทำมา เจ้าของยังไม่ทำ
เขาติดขัดเรื่องจำนวนเงิน
และไม่กล้าบอกกล่าวข้า

เขาขอโทษและจับมือข้าไว้
บอกให้เห็นใจเขาหน่อย
ตอนนี้เงินเขาไม่มีเลย

งานปาร์ตี้นี่ก็จัดขึ้นมาเพื่อเอาใจดาวไลน์
ผัวเขาก็เครียด กับค่าใช้จ่ายต่างๆที่ประดังเข้ามา

ข้าเองนี่อึ้ง ทุกอย่างที่เฝ้ารอเหมือนพังทลาย
แต่ก็บอกกับเจ้าของบ้านว่า ไม่เป็นไร

มันเป็นคำไม่เป็นไรที่เข้าใจเจ้าของบ้าน
แต่ภายใน…มันสิ้นหวังท้อแท้และเหมือนตะบัดสัตย์ต่อครอบครัว

ครอบครัวไว้ใจข้า ข้าไว้ใจลูกค้า ลูกค้าก็ไว้ใจในเงื่อนไขของเขาที่จะเกิดขึ้นเป็นทอดๆไป

สุดท้ายก่อนเที่ยงคืน
ข้ามองแบบงานตกแต่งบ้านในมือ
งานที่ทุ่มเททำมาหลายคืน
มันเป็นแค่กระดาษเปล่า

ข้าขอตัวเจ้าของบ้านกลับ
เจ้าของบ้านมองหน้าบอกขอคุยหน่อย

เจ้าบ้านควักเงินจากหน้าอกออกมายัดใส่ในมือข้า
บอกว่า
พี่ขอโทษที่ทำให้น้องมารอตั้งแต่เช้า

เงินนี้พี่แม้มผัวไว้ น้องเอาไปเป็นค่าน้ำมันรถนะ
ไว้พี่มีเงินพี่จะตกแต่งบ้านพี่ใหม่ จะจ้างน้องนี่แหละ

พี่ขอโทษจริงๆ แล้วยัดแบงค์ 500 ใส่มือข้า 10 ใบ

ข้ามองเงินในมือ
เจ้าของบ้านบอกขอโทษ
แต่เขามีแค่นี้จริงๆ
พรุ่งนี้เขาก็ยังไม่รู้จะเอาเงินไหนมาจ่ายค่าของต่างๆเลย

ข้าพยักหน้า คืนเงินให้เขาไป
บอกไม่เป็นไร
ผมเข้าใจพี่ ไว้พี่มีเงินค่อยจ้างผมทำงาน

เขาเอาเงินมากำไว้ มองหน้า
แล้วเอามือข้าขึ้นไปกุมยัดเงินใส่มือข้าอีก

บอกว่า น้องก็คงไม่มีเงินเหมือนกันใช่ไหม

ข้ามองหน้า และพยักหน้า
เขายิ้มและมองหน้าบอกว่าพี่เข้าใจ
แต่ขอให้น้องเข้าใจพี่นะ

เงินก้อนนี้ ก็เป็นเงินสุดท้ายของพี่จริงๆ
พี่เกรงใจน้อง ไม่กล้าพูดกับน้องตั้งแต่เช้าแล้ว

แล้วนี่ น้องต้องรอมาถึงสามทุ่ม
เพราะความเกรงใจไม่กล้าบอกของพี่แท้ๆ

พรุ่งนี้ พี่กะเอาบ้านจำนองก่อน
เพื่อเอาเงินมาจ่ายค่าปาร์ตี้นี้
และหมุนเวียนการทำงาน

การได้ดูแลผู้อื่น การเป็นพี่ใหญ่
การให้ความมั่นคง
และเห็นน้องๆอิ่มหนำสำราญกัน
พี่ก็ดูดีในสายตาของทุกคนแล้ว

เงินจำนวนนี้ ถือซะว่า เป็นของกำนัลจากใจพี่
ที่น้องมาทำงานให้

รับไปเถอะ ไม่เช่นนั้น ชาตินี้พี่คงทุกข์ใจจนตาย
เหมือนหลอกน้องมาใช้งานฟรีๆ

ข้ากำเงินแล้วเดินจากมา
ในใจดีใจกับเงินก้อนนี้มาก
รถจอดอยู่ในความมืด
ในรถสองแม่ลูกนั่งรออย่างกระวนกระวายใจ

ข้าเอาเงินให้ บอกว่าหิวไหม
เขาพยักหน้าแต่ปากบอกว่าไม่เป็นไร
มันก็ไม่เป็นไรอย่างที่ข้าบอกใครๆนั่นแหละ
แต่ภายใน มันกระวนกระวายใจแน่นอน

ข้าเอื้อมไปในกระเป๋า
เอาพระทองคำขนาดสามนิ้วขึ้นมา

พระองค์นี้ ข้าเองกะว่า
หากเกิดความผิดพลาดไม่ได้เงิน

ข้าจะเอาพระทองคำไปขาย
พระองค์นี้มูลค่าราว 400,000
ข้าจะขายพระ ถ้าหาเงินไม่ได้

ข้าเอาพระออกมา
แล้วเดินกลับไปยังบ้านลูกค้า

ข้ามอบพระนั่นให้ลูกค้า
บอกว่า เป็นของขวัญสำหรับข้า
ที่ได้มางานปาร์ตี้พี่เขา

พี่เขาไม่รู้ว่าเป็นพระทองคำ
เขาก็รับไปด้วยความเกรงใจ
บอกว่าเป็นพระที่สวยมาก

ข้าจากมาเอาเงินห้าพันที่เจ้าของบ้านมอบให้มา
พาครอบครัวไปกินข้าว

มันเป็นเงินก้อนโตที่สุดในชีวิตเลยทีเดียว
เป็นเงินก้อนโตในยามที่เราไม่มีอะไรมาใช้จ่าย

อีกสองวัน พี่เขาเรียกเข้าไปคุยงาน
ญาติเขาจะสร้างบ้าน

เขาไม่ลังเลที่จะมอบงานชิ้นนั้นให้แก่ข้า
ทั้งๆที่ญาติเขา เขาก็มีคนออกแบบและก่อสร้างเรียบร้อยแล้ว

สองปีต่อมา… ข้าเห็นพระทองคำที่ข้ามอบไว้ให้
ตั้งเด่นสง่าอยู่ในบ้านญาติของเขา

เจ้าของบ้านบอกว่า มันเป็นพระทองคำที่เขาฝันหามานาน

จู่ๆพระองค์นั้นก็มาหาเขาผ่านน้องสาวเขา
มันช่างเหมาะสมกับบ้านราคาเจ็ดสิบห้าล้าน
ที่เขาสร้างมา เขาช่างโชคดี

แต่ข้าดูเหมือนว่าโชคดีกว่า
งานออกแบบคอนโด
งานออกแบบหมู่บ้าน
งานก่อสร้างต่างๆ จากตระกูลพี่นี้
ทำกันไม่หวาดไม่ไหว

นี่..เป็นเรื่องราวที่ครั้งนึงข้าเคยเผชิญว่า

การรอสำหรับใครบางคนมันยาวนานและเป็นสิ่งที่แสนสาหัสพร้อมความคาดหวัง

คนไม่เคยเผชิญย่อมไม่รู้สึกอะไรในสิ่งที่ทำให้ใครต้องเฝ้ารอ

รับปากใคร พูดอะไรไว้ ทำให้ได้และจบให้ไว

บางคนเขาคาดหวังกับเรา และกำลังสาหัสกับความไว้ใจของเรา ที่เขาต่างก็คาดหวัง

สำหรับเรามันอาจเล็กน้อย ไม่เป็นไร

แต่สำหรับเขา มันอาจยิ่งใหญ่ ลำบากและกระวนกระวายใจ

อย่าให้ใคร เขาต้องรออะไรจากคุณด้วยความหวัง
เพราะความงี่เง่าและเหตุแห่งความไม่เป็นไร
ดูเป็นเรื่องเล็กน้อยของคุณ

สำหรับคนที่เรารัก เราอย่าหักหลังเขาด้วยสันดานงี่เง่าของเรา ว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย..ไม่เป็นไร

รับปากอะไรใครไว้ พึงรีบๆทำ
สัจจะมันสำคัญ

สัจจะเป็นสิ่งมีค่าราคาแพง เพียงแต่มันใช้ไม่ได้กับคนราคาถูก ที่รักษาของมีค่าราคาแพงแห่งสัจจะไม่ได้

ทำตนให้มีค่า สัจจะเป็นสิ่งสำคัญ
อย่าให้ตนสิ้นค่า ด้วยการริดรอนค่าด้วยการเสียสัจจะ..

จบซีรีส์แรก..

หวัดดี

พระธรรมเทศนาวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

โดยพระอาจารย์ ธรรมกะ บุญญพลัง