คุยกัน…วันอาทิตย์

คุยกัน…วันอาทิตย์

884
0
แบ่งปัน

>> คำถาม : กราบนมัสการสาธุ ธรรม ยามเช้าเจ้าค่ะ หนูเวลากรวดน้ำไม่คิดอะไรเลย ฟังพระเทศน์อย่างเดียวแต่จะอธิฐานตอนที่เอาน้ำไปรดต้นไม้ผิดหรือเปล่าค่ะพระอาจารย์ สาธุ

<< พระอาจารย์ : Nong Forgetmenot นั่นแหละ ดีแล้ว ฟังพระกล่าวไป ไม่ต้องทำอะไร ใจที่เป็นสมาธินั้นมีกำลัง พอท่านกล่าวจบ เราก็แผ่เมตตาจิต แล้วเราก็ไปกรวดน้ำ ตรงไหนก็ได้ ไม่กรวดก็ได้ มันส่งไปตั้งแต่แผ่เมตตาจิตไปแล้ว อย่างน้อย เราก็อิ่มใจละ

ส่วนการกรวดน้ำเป็นความเชื่อ อย่างหนึ่ง ว่าหากได้ทำแล้ว เราฝากธาตุดินธาตุน้ำไป ให้สสารทั้งหลาย พึงมาเป็นพยาน เพื่อใจเราได้มีที่ตั้ง


>> คำถาม : กราบสาธุพระอาจารย์ จริงฤา ที่ว่าถ้าสมาธิเราไม่แข็งหรือมั่นคงแผ่เมตตาไปก็เท่านั้นไม่มีผลนะคะ

<< พระอาจารย์ : Asha Funmongkol ขอให้แผ่เมตตาออกไปเหอะ จะมีสมาธิแข็งหรือไม่แข็ง มันก็ถึงทั้งนั้น มันเอาเจตนา ไม่ได้เอาสมาธิ คนที่มีสมาธิตั้งมั่น แต่ใจชั่ว มันก็มีสมาธิแบบชั่วๆ นั่นแหละ

>> คำถาม : การให้พรก็เพื่อทำให้ญาติโยมเกิดปิติ ถึงแม้ว่าการให้พรเป็นภาษาบาลีนั้นแม้จะฟังไม่รู้เรื่อง แต่ก็เป็นสิ่งที่กระทำกันมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านทรงสอนว่าการบิณบาตรนั้นก็เพื่อเป็นการโปรดเวนัยยสัตว์ จึงต้องแสดงธรรม จริงอยู่เวลาเราทำบุญกรวดน้ำนั้นถึงแม้พระจะไม่ให้พร ไม่แสดงธรรม แต่การให้พร เช่นยถานั้น เหมือนเป็นเครื่องการันตีว่าบุญกุศลที่เราได้ทำนั้นจะตกถึงญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้วเป็นแน่ เหตุเพราะสมัยนี้ผู้ที่จะบรรลุเป็นพระอรหันต์หรือละการยึดติดได้นั้น เป็นเรื่องที่ยากมาก หรือก็อาจจะไม่มีเลยดังนั้นการรับพรจากพระหรือการได้ฟังพระแสดงธรรมนั้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ เพื่อให้เกิดเป็นปิติ และบารมีแห่งบุญ เพื่อที่จะถึงซึ่งพระนิพพานในอนาคตกาล ภพภูมิชาติหน้าต่อไป

<< พระอาจารย์ : วัด กระทิง…

อ่านความหมายให้ดี และพิจารณาให้ละเอียดซะก่อน การแสดงออก มันจะบ่งบอกความฉลาด และแง่มุมมองแห่งภูมิปัญญาเจ้าของน่า..

การให้พรนั้น เป็นเรื่องปกติ ทุกคนรู้อยู่แล้ว จะเป็นภาษาอะไร มันก็สื่อแทนความหมายกัน

ไอ้ที่แสดงมานั้นมันตื้น ใครๆ เขาก็รู้อยู่แล้ว แต่ที่ให้ความเห็นไปนี่ ถามว่าให้กันด้วยภาษา ที่เข้าใจไม่ได้หรือ ทำไมต้องท่องที่เราไม่เข้าใ

หรือคุยภาษาไทยแล้วมันไม่ขลังไม่เกิดปิติ พระแสดงธรรมด้วยภาษาที่ไม่รู้เรื่อง แล้วใครจะไปรู้ธรรม ก็ผลมันก็แสดงอยู่ ว่าต่างก็ไม่รู้เรื่อง

แล้วยังโง่เอาความที่ไม่รู้เรื่อง มายัดเยียดให้ชาวบ้านอีกทำไม หรือชาวบ้านมันฉลาดนัก ฟังไอ้คำที่ไม่รู้เรื่อง แล้วจึงจะได้บุญ และเกิดปิติ

พุทธะแปลว่า ปัญญา แต่คนนำมาแสดง เป็นคนไทย กลับไม่พูดภาษาไทย เพื่อให้เข้าใจกัน กลับไปใช้ภาษาที่จำๆ กัน แล้วมากล่าวว่า นี่คือการแสดงธรรม มันไม่ตลกไปหรือ ความจริงมันก็เห็นๆ กันอยู่ ว่ามั่วและงงๆ ด้วยกันทั้งสองฝ่าย

เรียนบาลีเพื่อแปลเป็นไทย แล้วมาถ่ายทอดธรรมจากคำบาลีอย่างนี้ ถึงจะตรงและสมเป็นผู้มีปัญญา เพื่อสืบทอดความรู้ตามเป็นจริง ด้วยความเข้าใจในศาสตร์แห่งพุทธศาสนา

นี่แปลมาแล้ว รู้แล้ว ก็เอาคำที่แปลมาว่ามาถ่ายทอดกันซิ

นี่ยังเอาคำท่องจำทำเสียงเป็นคนเมาเหล้า ทำเสียงขึ้นจมูก แล้วบอกว่า นี่กำลังให้พร นี่กำลังแสดงธรรม

ศาสนาที่มีแต่คนคิดเช่นนี้ มีแต่พวกโง่หลาย เหมือนเอาภาษาควายมาพูดให้ลิงฟัง ลิงมันคงจะเข้าใจและเกิดซาบซึ้งปิติใจ ที่ได้ฟังธรรมอยู่หรอก

แหกตาขึ้นมามองความจริงให้เห็นกันตรงๆ ทะลายกำแพงที่ตั้งมั่นยึดมั่นออกมาบ้างซิ

วิถีการแสดงก็ไม่ตรง เจ้าของก็ไม่รู้จริง จำๆ กันมา แล้วจะไปชี้ชาวบ้านให้รู้จริงรู้ตรงตามความเป็นจริงได้อย่างไร

เรียนมาแล้วแปลมาแล้ว แต่ยังดันเอาคำที่ตนเองไปเรียนไปแปลมา มาใช้สื่อกับชาวบ้าน ที่เขาไม่ได้เรียนไม่ได้แปล แล้วอยากจะให้เขารู้เรื่อง ด้วยภาษาที่ไม่ได้แปล

นี่มันเป็นลัทธิที่โง่หลาย ในการถ่ายทอดธรรม คือต้องยากๆ มั่วๆ งงๆ กันเข้าไว้ เอาไว้ก่อน เช่นนั้นหรือ จึงจะเรียกว่า นี่คือธรรมแห่งพุทธศาสนา

อะไรที่รู้เป้งๆ แจ้งง่ายๆ กลายเป็นว่า ไม่ใช่ธรรม เพราะดูว่ามันไม่ขลัง ไม่โง่ และมึนๆ อย่างงี้ ไม่ใช่พุทธ

เรียนบาลีก็เรียนไปซิ เรียนแล้วก็นำมาบอกมากล่าวมาเล่า มาขยายเป็นภาษาไทย

อธิบายง่ายๆ ให้คนไทยมันฟัง ไม่ได้อธิบายให้คนมคธฟังนี่ ที่จะต้องล่อเป็นบาลีทั้งยว

แค่ไทยคำ บาลีคำ ชาวบ้านก็พากันยิ้มแห้งๆ อยู่แล้ว ว่ามันพร่ำอะไรของมัน

พ่อแม่ชาวนา ลูกเรียนรู้ภาษาปะกิดหน่อย เสือกพูดไทยคำปะกิดคำ แล้วมันจะฟังกันรู้เรื่องอิหยังเด้อ

ความจริงมันเห็นๆ กันอยู่ไม่ใช่หรือ หรือว่า..ข้านี่บ้าอยู่คนเดียว..!!


>> คำถาม : คือ ตัวผมคิดว่าภาษาบาลีนั้นเป็นภาษาที่ใช้กันมาแต่โบราณ การที่จะแปลงจากภาษาบาลีให้เป็นภาษาไทยนั้น จริงอยู่ว่าผู้รู้สามารถรู้ได้ เข้าใจได้ แต่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงจากการสืบทอดกันมาแต่โบราณไหม ขอท่านช่วยชี้แนะด้วย

<< พระอาจารย์ : ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลยนี่ ท่าน วัดกระทิง

บาลีเราก็ใช้บาลีกันไปซิ เพียงแต่ชี้ให้เห็นอีกมุมมองหนึ่ง ที่ดูว่า มันไม่ตรงตามความเป็นจริง กันเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่า สิ่งที่พระทำมาอย่างนี้มันผิดหรือถูก แค่ชี้ให้เห็นว่า มันไม่ตรงตามความเป็นจริง

คำบาลี มันเป็นเปลือกเพื่อรักษาเนื้อเยื่อ อันเป็นสัจธรรม ให้คงอยู่สืบไป เพราะดั้งเดิมนั้น มาจากคำบาลี

เพียงแต่ความหมายของผู้ที่แสดงนี้ ดูว่า มันเป็นวิธีที่ไม่ตรง เหมือนเขาถามภาษาอังกฤษ แต่เราตอบ ภาษาไทย มันแค่รู้กันได้ด้วยท่าทางแห่งภาษา แต่ต่างก็ไม่รู้ความหมาย

ที่เรารู้ๆ กันนี้ มันเกิดจากความเคยชิน เกิดจากอ่าน จากจำกันมา แต่ไม่เข้าใจกาลแห่งคำแห่งอักขระ

เราสืบทอดกันมาตามแนวทางอย่างนี้ เคยชินกันอยู่อย่างนี้ เราก็ทำกันต่อไป

ไม่เห็นว่า จะต้องไปเปลี่ยนแปลงอะไร แค่แหกกรอบออกมามอง และทักว่า นี่..มันไม่ตรง

การชี้ให้เห็น ไม่ใช่ว่าสิ่งที่ชี้ ทุกคนจะต้องมาเป็น

เราสามารถแสดงความคิดเห็นได้ จริงหรือไม่จริงผลมันก็แสดงอยู่

คนเห็นแล้วรู้แล้ว ก็ใช่ว่าจะไม่ทำตามสิ่งที่สืบทอดมาแต่โบราณ

มันก็ทำๆ ไปตามประเพณีที่เขายึดกันอยู่ เพียงแต่รู้แล้วว่า นี่มันเป็นสมมุติวิธีอย่างหนึ่ง ที่เขา เชื่อ และยึดๆ สืบทอดกันมาแต่โบราณ นี่มันเป็นความเชื่อที่หลงๆยังไงไม่รู้

ความเชื่อบางอย่างมันก็แค่เปลือก แต่เปลือกเหล่านี้ ก็รักษาเนื้อเยื่ออันหอมหวานไว้

เราผู้ฉลาด ก็เอาทั้งเปลือกและเนื้อเยื่อ ตามๆ ที่เขาว่าไว้ เพียงแต่เมื่อเวลาใช้ เราก็เก็บเอาแต่เนื้อเยื้อไว้ ไม่ได้เอาเปลือก เพราะเราได้รู้จักทั้งเปลือกและเนื้อเยื่อ

คนฉลาดอยู่ท่ามกลางคนโง่ เขาก็คือคนโง่ๆ คนหนึ่ง แม้เขาจะฉลาด
ความฉลาดบางอย่างก็โง่ แต่ก็ต้องโง่ เพราะคนโง่เขาบอกว่า นี่คือความฉลาด

เรารู้ว่านี่..ไม่ใช่เรื่องฉลาด แต่เราก็ทำเรื่องที่ไม่ฉลาด ให้มันฉลาดด้วยความโง่ๆ ได้

จึงไม่เห็นว่าจะให้ความเชื่อและความคิดเห็นทั้งหลาย ที่สืบๆ ต่อๆ กันมา ไม่ควรคงไว้ หรือเปลี่ยนแปลงไป ไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น

คนส่วนใหญ่ เขาว่าๆ กันมา เราก็ว่าๆ กันไป แต่ภายใน เราก็รู้ว่า มันไม่ตรงและไม่ใช่

เป็นแค่เรารู้ไว้ แม้ทำกันตามๆ กันไป มันก็ไม่เห็นแปลก คนทั้งหลายเขาแทะเสาปูนกันด้วยความหนุกหนาน เพราะคิดว่าการแทะเสา เป็นสิ่งประเสริฐ

เราเกิดล่วงรู้ว่าการแทะเสาปูนนี้ ความจริงมันเป็นสิ่งโง่แท้ แล้วเราจะไม่ยอมแทะตามเขา เพราะเห็นว่า ชนทั้งหลายทำอะไรด้วยความโง่ๆเช่นนั้นหรือ

ผู้รู้ผู้ฉลาดมันก็ต้องแทะตามเขาเหมือนเดิมนั่นแหละ หากไปขวางทางการแทะเสาปูนของคนทั้งหลาย ด้วยความจริงที่คิดว่าตนเองฉลาด นี่น่ะมันโง่

คนโง่เท่านั้น ที่รู้ว่าการแทะเสาปูนคือความโง่ แล้วไม่แทะเสาปูน เหมือนคนโง่ๆทั้งหลาย

คนฉลาดที่อยู่ท่ามกลางคนโง่ ก็ต้องยอมทำอย่างโง่ๆ มันจึงเป็นผู้ที่ฉลาด

การกระทำด้วยความรู้ กับกระทำด้วยความไม่รู้นี้ มันมีผลแตกต่างกันทางด้านปัญญา..!!


>> สหธรรมมิก : ขอบคุณครับ ท่านธรรมกะที่ทำให้เข้าใจ เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่ท่านว่าการแสดงธรรมต้องให้คนได้ฟัง เพื่อที่จะได้เข้าใจในหลักธรรม เพียงแต่ตอนแรกตัวกระผมเข้าใจความหมายว่าท่านต่อต้านในภาษาบาลี ต้องขออภัยไว้น่ะที่นี้ด้วย

<< พระอาจารย์ : ขอสาธุคุณครับ ที่เข้าใจเจตนา วัด กระทิง ผมแสดงธรรมตามหลักชาวพุทธ ที่เห็นความจริงตามกระแส

แต่การอธิบาย ไม่ได้สามารถควบคุมไปในทุกซอกมุม แห่งความหมายนัยยะของเนื้อความได้ ภาษาสื่อ ย่อมตีความกันได้ นี่เป็นธรรมดา

สิ่งใดไม่ถูกต้องตามธรรม กระทุ้งมาได้เลย หากเห็นว่ามันขาดเหตุขาดผล ว่ากล่าวมาได้เลย ยินดีน้อมรับขอรับ


<< คำถาม : พุทธวจน แปลว่า วาจาที่มาจากพระโอษฐ์ (จากปาก) ของพระพุทธเจ้า ภาษาบาลี เราเชื่อกันว่า เป็นภาษาพูดของพระพุทธเจ้า ยถา หรือว่า สัพพี เป็นภาษาบาลี เมื่อฟังแล้วจะได้สติสัมปชัญญะ และถ้าเราแปลความหมายได้ เรียกว่า ได้ตัวปัญญา ขอรับ …

<< พระอาจารย์ : แปลออกมาแล้ว เป็นแต่คำขอและอ้อนวอนน่ะครับ ความเชื่อ ที่ยึดๆ กัน มันเอาอะไรมาเกิดปัญญา ชาลี

มองกันตรงๆ ซิ ขึ้นชื่อว่าภาษา จะเป็นภาษาไหน มันก็เป็นสื่อสมมุติให้เข้าใจ

และพระพุทธองค์เอง ท่านไม่ใช่เจ้าของภาษา ภาษาบาลี มันมีมานานกว่า 6,000 ปีแล้ว พวกพราหมณ์ พวกฮินดู เขาใช้กันอยู่มาก่อน

จะเป็นพระพุทธองค์ทรงตรัส หรือสาวกที่ถึงธรรมกล่าว มันก็กล่าวออกมาตามธรรมเช่นเดียวกัน…ไม่ได้กล่าวกันตามทิฏฐิอย่างปุถุชน

พุทธศาสนาชี้กันตรงๆ ให้เห็นมุมมองที่ผลมันแสดงกันตรงๆ เพียงแต่คนมันลงว่ายึดแล้ว มันก็เลยรับกันไม่ได้

ชาวอินเดียมาทำบุญกับผม จะบอกว่าขอบคุณ เขาก็ไม่เข้าใจความหมาย จะบอกแบบบาลี เขาก็ไม่รู้เรื่อง ต้องว่ากันเป็นภาษาอังกฤษ ก็พอรู้เรื่องกัน

เพราะต่างคนต่างก็โง่พอๆ กัน ให้ง่ายที่สุดก็ต้องให้พรเป็นภาษาอินเดีย ข้านี้พูดอินเดียได้คล่อง แต่คนอินเดีย เขาฟังไม่รู้เรื่องเอง นมัสเตยันเต คุคุ


>> ลูกศิษย์ : ศิษย์ที่ฟัง พอจ.เข้าใจก็เท่ากับ ผู้ที่เดินถูกทาง ไม่หลงทาง สาธุๆๆ

<< พระอาจารย์ : เราคุยกันอย่างเพื่อน อย่างพี่น้องกันซิ ที่นี่ ไม่มีพระ คนเป็นพระคุยกันไม่รู้เรื่อง มันมากเรื่องมากความ กลัวนั่นขู่นี่กัน ไม่เข้าท่า

พระพุทธองค์ ท่านยังกระโดดลงมาจากพระราชา มีความเป็นอยู่อย่างอนาถา

ไอ้ข้ามันพวกอนาถาอยู่แล้ว หากเสือกบวชแล้ววางตัวเป็นราชา ผีก็ได้ด่าว่า ไอ้ห่านี่..เหี้ยจริงๆ

เป็นราชาหรือเทวดา คุยธรรมกับชาวบ้าน เขาฟังกันไม่รู้เรื่อง คุยอย่างมึงๆ กูๆ ดีกว่า ยังพอได้พูดได้ฟังกันรู้เรื่อง

หน้าเพจนี้ มีคนไทยในต่างประเทศ อ่านหน้าจอกันมากโขอยู่ ธรรมอย่างกันเอง และความเข้าใจ จะช่วยให้เขา ไม่ลืมผืนแผ่นดินไทย

เราคุยกันอย่างพี่น้อง ไม่ได้คุยกันอย่างทิฏฐิพระ มานะกษัตริย์ บรรยากาศแห่งความเป็นกันเอง ก็ใกล้ชิดขึ้น

ส่วนใหญเป็นแต่ว่า พวกเราชอบยกท่า และตั้งแง่ความหมายว่า การพูดจากับพระ ต้องอย่างนั้นต้องอย่างนี้ กันขึ้นมาเอง

มันไม่มีความเป็นธรรมชาติในตัวให้เหลืออยู่เลย มีแต่ปกปิด และโชว์แต่ความดีที่พยายามสร้าง เพื่อกลบความเลวทราม ที่เป็นธรรมดา ไม่ให้ใครเห็น

และเราก็เคยชินกับกับอาการแบบนี้กันซะด้วย ธรรมทั้งหลาย จึงไม่เข้าไปสิงอยู่ในใจ เพราะธรรมทั้งหลาย มันไปติดตรงการปกปิดที่ไม่จริงใจในการแสดง ด้วยความโง่และงี่เง่าคิดตรงๆกันไม่เป็น..

พระธรรมเทศนา จากบทธรรม เรื่อง ทำอย่างโง่ๆ กับรูว่าโง่ก็ทำ มันต่างกัน
ณ วันที่ 9 กันยายน 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง