ข้อสงสัยในพุทธและพระเจ้า

ข้อสงสัยในพุทธและพระเจ้า

304
0
แบ่งปัน

**** “ข้อสงสัยในพุทธและพระเจ้า” ****

ชีวิตนั้นอาศัยการเกิดมาอย่างเดียวแล้วสมบรูณ์ไม่ได้

ชีวิตนั้นมันอาศัยเหตุปัจจัยไปเรื่อยแหละจนโต

น้องจากต่างประเทศถามว่า

” พุทธศาสนา บอกว่าการเกิดเป็นทุกข์ เขาน่ะมีแต่ความสุข

มีชีวิตที่ดี มีเงินทอง พ่อแม่รัก ครอบครัวอบอุ่น งานการมั่นคง

เช่นนี้จะทุกข์ได้ไง ดูๆคำสอนมันขัดแย้งความจริง พระอาจารย์จะว่าไง..”

: #เคยเห็นคนแก่ไม๊ :

“เยอะแยะไป ”

: #เคยเห็นคนเจ็บไม๊ :

” เคยเห็นซิ เยอะแยะ ”

: #เคยเห็นคนตายไม๊ :

” เคยเห็น ไม่มีใครไม่ตาย ”

: งั้นคน แก่ เจ็บ ตาย นี่ มันสุขหรือทุกข์ :

” เอ่อ..ทุกข์ซิ ใครจะไปชอบ ”

: แล้วแกพ้นไปจากสิ่งเหล่านี้ไหม :

” ก็ไม่พ้น ”

: ไหนแกบอกว่า แกเกิดมามีสุขไง :

“….!!!!! ”

: รึไม่จริง เงียบทำไม :

” ผมพูดถึงปัจจุบันตอนนี้ไง ผมมีความสุข ”

: งั้นข้าไม่ไปส่ง แกว่ายน้ำกลับออกไปเอง โอเคไหม :

” อ้าว..งี้ผมก็แย่ซิ ใครจะว่ายกลับได้ ตั้วสองสามกิโล ”

: แค่คำขู่ข้าแกก็ทุกข์ใจแล้ว เพราะความไม่ถูกใจ แล้วชีวิตแกทั้งชีวิต คิดว่าจะถูกใจทั้งชีวิตเหรอ

” มันก็คงไม่ ”

: งั้นอะไรที่ไม่ถูกใจ มันสุขหรือทุกข์เล่า :

” ก็เป็นทุกข์ ”

: งั้นที่แกคิดว่าเป็นสุข มันก็ผิดหมดซิ :

” โอเคๆ ข้อนี้ ถือว่าพุทธพูดถูก ผมเห็นชัด ”

งั้นขอถามอีกข้อ นะครับอาจารย์

” พุทธไม่ให้นับถือผี ไม่ให้นับถือสิ่งที่มองไม่เห็น

แล้วทำไมถึงไหว้พระพุทธเจ้า ในเมื่อพระพุทธเจ้าตายไปตั้งนานแล้ว

เช่นนี้ก็ถือว่าเป็นการเคารพนับถือผีเช่นกัน มันจะแย้งกับคำสอนไหม

ศาสนาอื่น เขาเคารพพระเจ้า ซึ่งไม่ใช่มนุษย์ที่ตายอย่างพระพุทธเจ้า

อาจารย์จะตอบว่าไง ”

: แบ้งค์พันนี้มีค่าไหม :

” มีค่า ”

: กระดาษเปล่าแผ่นนี้ มีค่าไหม :

” อืม..ไม่มีค่า ”

: ข้าเขียนเลข 100000 ลงไปในกระดาษ ตัวเลขมากกว่าแบ้งค์พัน มันมีค่าไหม :

” ก็ไม่มีค่าอยู่ดี เพราะมันเป็นแค่กระดาษ ”

: แล้วแบ้งค์พันนี่ มันกระดาษหรือทองคำกันเล่า :

” กระดาษ เหมือนกัน ”

: ทำไมกระดาษแบ่งค์พันมีค่า กระดาษเปล่าไม่มีค่า ในเมื่อมันเป็นกระดาษเหมือนกัน :

” เอ่อ.อ.. ก็เราให้ค่ามัน สมมุติมันขึ้นมาให้มีค่าไง ”

: แสดงว่า ไม่ได้ให้ค่าเพราะความเป็นกระดาษ แต่เราให้ค่าเพราะเราสมมุติมันขึ้นมา :

” แล้วเกี่ยวอะไรกับพระพุทธเจ้าที่ตายไปแล้ว ”

: ก็จะบอกว่า พุทธศาสนา ที่เขากราบไหว้พระพุทธเจ้านั้น เขาไม่ได้กราบไหว้เพราะความเป็นคน

เขากราบไหว้ในคุณแห่งปัญญา ที่พระองค์ทรงตรัสรู้ ว่าความเป็นจริงนั่นคืออะไร

มันเป็นเรื่องของปัญญาแห่งมวลมนุษย์ชาติ ที่มีในตัวทุกคน

ไม่ได้กราบวิญญาน ไม่ได้กราบผี ไม่ได้นับถือเพราะความเป็นเจ้าชาย สิทธัตถะ

ศาสนาอื่น คำสอนมาจากพระผู้เป็นเจ้า ก็ผ่านมาทาง ท่านนบีบ้าง ผ่านทางพระเยซูบ้าง

ท่านนับถือพระเจ้าของท่าน หรือนับถือศาสดาของท่านเล่า

” นับถือทั้งคู่ ”

: เช่นนี้ ท่านก็นับถือผีเหมือนกันซิ จะมาสงสัยศาสนาอื่นทำไม :

” …งั้นโอเค เป็นอันว่าเข้าใจ ผมตอบปัญหาเพื่อนได้ ”

ขอถามอีกข้อได้ไหม..

: ได้ :

” พระเจ้าเป็นผู้สร้างโลก สร้างทุกสิ่งทุกอย่าง ทำไมพระอาจารย์ไม่เชื่อพระเจ้า ”

: รถยนต์นั้น ใครสร้าง มนุษย์หรือพระเจ้า :

” มนุษย์ ”

: ต้นไม้นั่นใครปลูก บ้านนั้นใครทำขึ้นมา สัตว์นั้นใครเพาะพันธุ์

และแกเอง เกิดมาจากใคร พ่อแม่หรือพระเจ้า ”

” โห..อาจารย์ เล่นอย่างนี้แล้วผมจะตอบไง ก็ต้องมนุษย์ซิ

ที่ผมถามน่ะ ก่อนจะมีมนุษย์ไง ทุกอย่างจึงต้องเกิดจากพระเจ้าสร้าง ”

: แล้วแกเอาหลักฐานความจริงมาจากไหนล่ะ ที่ว่าพระเจ้าสร้างทุกอย่างขึ้นมา :

” ก็คำภีร์เขาเขียนบอกไว้อย่างนั้น ”

: แล้วคำภีร์ของแก ใครเขียน..? มนุษย์หรือพระเจ้าเขียน :

” ก็เอามาจากพระเจ้าไง มนุษย์เอาคำสอนมาจากพระเจ้า ”

: พวกผีเข้าก็อ้างพระเจ้าได้เหมือนกัน แล้วเอามาเขียน แกจะเชื่อไหม :

” โธ่..อาจารย์ ทำเอาผมไปไม่เป็น พระเจ้าก็พระเจ้า ผีก็ผีซิ มันแตกต่างกัน ”

: ก็เพราะเหตุนี้ไง ข้าถึงได้ถามให้แกตอบ พุทธน่ะ ชี้ให้เห็นธรรมชาติแห่งความเป็นจริง

ชี้ให้เห็นเหตุปัจจัยที่มันอาศัยกันเกิด มันมีเหตุมีผล ไม่ใช่งมงายเชื่อแต่ตำราหรือคำภีร์

มันต้องตอบต้องขยายออกมาได้ เข้าใจได้ ไม่ใช่เอะอะก็เป็นเรื่องของพระผู้เป็นเจ้า

เราต้องสนองอารมณ์ของพระผู้เป็นเจ้าอย่างเดียว

นี่มันเป็นเรื่อง ไพร่อาริยะโมเดลแห่งพระผู้เป็นเจ้าแล้ว

พระผู้เป็นเจ้าพอใจ ก็จะให้สมความปรารถนา เกิดไม่พอใจขึ้นมา มึงก็ซวยเพราะอารมณ์ขัดใจ

มันเป็น บรูณาญาสิทธิราชย์เทวะนิยมซิวะ

เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วมาเป็นไพร่อารยะเทวะนิยมรึไง

มนุษย์เอาอะไรยัดใส่คำภีร์แล้วทุกคนต้องทำตามด้วยข้ออ้าง พระเจ้าท่านสั่งมา

ข้าว่า ตื่นขึ่นมาเห็นความจริงได้แล้ว ทุกอย่างมันเกิดจากมนุษย์สมมุติขึ้นมาทั้งนั้น

มองความจริงซิ อย่ามองแค่ความเห็นว่าตนถูกต้อง

โบราณเขียนอะไรลงไปในกระดาษ ในแผ่นหนัง ในแผ่นโบราณ

มันต้องเอามาตรึกตรอง ใช้สมองคิดซะบ้าง ไม่ใช่เชื่อดะ

แล้วเอาสิ่งที่ตนเชื่อดะ มาอ้าง มายัดเยียดให้ผู้อื่นทำตาม ด้วยข้ออ้าง พระผู้เป็นเจ้าสั่ง

ข้าน่ะ ไม่ค่อยสนใจอะไร ที่มันหาเหตุหาผลไม่ได้ และไม่อยู่กับความเป็นจริง

พุทธะสอนให้ข้า เข้าใจความเป็นธรรมดา ที่มันมีที่มันเป็นตามเหตุปัจจัย

ไม่ได้ขึ้นอยู่กัยคำภีร์ หรือพระเจ้าที่ไหนมาคอยดลบันดาล

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 12 มิถุนายน 2561

โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง