มนุษย์นั้นยัดเยียดสิ่งต่างๆจนเคยชิน

มนุษย์นั้นยัดเยียดสิ่งต่างๆจนเคยชิน

343
0
แบ่งปัน

*** “มนุษย์นั้นยัดเยียดสิ่งต่างๆจนเคยชิน” ***

ขอสาธุคุณให้มีแต่ความสุขความเจริญ

มนุษย์นั้น ไม่ค่อยอยู่กับความเป็นจริง

เรานั้นไม่รู้ตัวเราหรอก ว่าเรานั้นชอบยัดเยียดความคิดความรู้สึกเรา ลงไปในสรรพสิ่ง

ไก่ตัวหนึ่งเดินมาหาข้า มันมองหน้าแล้วเดินผ่านไป

ข้าถามว่า ” เฮ้ย..มึงรู้เปล่า ว่ามึงเป็นไก่ ”

ผลก็คือมันเดินไปเฉย ไม่รู้ไม่ชี้

ข้าหันมามองเหล่าพระ และบอกว่า

พวกท่านรู้ไหม ถ้ามันพูดได้และสนใจเรา มันจะพูดว่าอย่างไร

พระท่านนิ่งมองหน้า ..ข้าจึงบอกว่า

มันก็จะหันมาและพูดว่า

” กูน่ะไม่รู้หรอกว่ากูเป็นไก่ มีแต่มึงนั่นแหละที่รู้และยัดเยียดลงมาว่ากูคือไก่ กูเป็นอะไร กูยังไม่รู้เลย ”

เหล่าพระขมวดคิ้ว พยักหน้ายิ้มๆ

คนเราเอาความคิดตน เอาการตรึกตรอง แยกแยะคุ้ยเขี่ยออกมา

แล้วเอาความคิดตนเข้าไปตัดสิน ว่านี่ถูก นี่ใช่

เมื่อถูกใจ เราก็ชอบใจไปซะหมดแหละ

เมื่อไม่ถูกใจ เราก็ไม่ชอบใจไปซะหมดแหละ

เมื่อถูกใจ ผิดอย่างไรก็ไม่เป็นไร มันทนได้

ไม่ถูกใจ ถูกอย่างไรก็ทนไม่ได้ผิดไปซะหมด

เอาอารมณ์ตน ที่ถูกใจและไม่ถูกใจนี้ ยัดเยียดลงไปในสิ่งที่ตนเห็น

โดยไม่เคยเข้าใจว่าสิ่งที่ตนเห็น มันก็เป็นของมันอย่างนั้นแหละ ไม่ได้ขึ้นหรือเกี่ยวกับที่เรายัดเยียดว่าผิดถูก ด้วยอารมณ์เรา

มีแต่เรานี่แหละ ยัดเยียดความรู้สึกเรา เข้าไปใส่ในตัวและความคิดของเขา

ชาวแฮมเมอร์ในแอฟริกา มีความเชื่อว่า

การได้ตัดหัวศัตรูต่างเผ่า เป็นความถูกต้อง ที่จะทำให้ได้อยู่ใกล้ชิดกับพระผู้เป็นเจ้า

นักล่าที่เยี่ยมยอดถึงจะได้ชื่อว่าเป็นผู้กล้า

ฝ่ายเราก็เชื่อว่า การทำเช่นนั้นเป็นบาป เพราะเป็นการเบียดเบียนชีวิต

แต่ชาวแฮมเมอร์ เชื่อว่า การทำเช่นนั้น จะได้ไปพบและได้อยู่กับพระผู้เป็นเจ้า

นี่..ความเชื่อมันแตกต่างกัน และความเชื่อนี้ จะนำพาให้เขามุ่งไปสู่สิ่งที่เขาหวัง

ฉะนั้น ความเชื่อของเผ่าพันธุ์และความเป็นศาสนา มันเป็นความเชื่อ ที่เป็นของใครของมัน

มันขึ้นอยู่กับปัญญาที่เราได้ศรัทธา

แต่ปัญญาและความศรัทธานี้ หากไม่มีความเสมอกัน

ความเชื่อนั้น ก็จะโต่งไปด้วยความงมงาย และสงสัยไม่มีที่สิ้นสุด

เราจึงกล่าวว่า

เราควรมีสติปัญญาในความเชื่อนั้น อย่าได้โต่งลงไปในฟากใดฟากหนึ่ง จนเกิดเป็นอัตตาตนแล้วยัดเยียดลงไปว่าใช่ ว่าถูกด้วยตรรกะแห่งตน

มนุษย์นั้น เมื่อต้องเผชิญกับความไม่ได้ดั่งใจไม่ถูกใจ

ความอึดอัดขัดข้องก็เกิดเป็นธรรมดา

เราห้ามไม่ให้เกิดไม่ได้

แต่เรามีสติปัญญาพอที่จะอยู่ร่วมกันได้

หมอรู้จักยามากมาย

แต่เมื่อจะนำมาใช้

หมอใช้แค่ยาที่ตรงกับโรคที่จะเป็นเท่านั้น

คนไม่ใช่หมอ

จะคิดว่า ใบไม้ทั้งป่าเป็นยา

และกินใบไม้ทั้งป่า เพื่อให้ตนนั้นหายไข้

ผู้รู้นั้น ท่านรู้ในสิ่งที่เป็นธรรมดา

แต่คนไม่รู้นั้น ท่านจะทำตัวรู้มาก


ผู้แสดงความคิดเห็น 1 >>> ที่เขียนทั้งหมดเป็นปัญญาในระดับเบื้องต้นที่เรียกว่า สติปัญญา

เป็นความสามารถของกลุ่มจิตมนุษย์หรือจิตปัจจุบันหรือจิตสามนึกหรือจิตขับกาย

ซึ่งใช้เครื่องมือสมองซีกซ้ายร่วมในการแยกแยะวิเคราะห์ (เหมือนไก่แยกแยะหาอาหาร) ครับ

พระอาจารย์ตอบ <<< ผู้มีปัญญา ย่อมแยกแยะและมีชีวิตอยู่ท่ามกลางสังคมได้อย่างง่ายดาย มากกว่าผู้ที่หนาทึบและแยกแยะไม่เป็น

วิทยาศาสตร์ที่มนุษย์เรียนรู้และจับต้องได้ อย่างสาธารณะคือ ฟิสิกส์และชีวะ

แต่ยังมีวิทยาศาสตร์ ทางจิต ทางกรรม ทางธรรม ที่อาศัยปัจจัยเกิดอีกมากมาย ที่มนุษย์ทั้งหลายเข้าไม่ถึง

พระธรรมเทศนา ณ วันที่ 16 พฤษภาคม 2561

โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง