ธุดงค์ในป่า เพ้อเจ้อได้ถ้าไม่มีปัญญาเท่าทัน

ธุดงค์ในป่า เพ้อเจ้อได้ถ้าไม่มีปัญญาเท่าทัน

257
0
แบ่งปัน

*** “ธุดงค์ในป่า เพ้อเจ้อได้ถ้าไม่มีปัญญาเท่าทัน” ***

ทุกคน เมื่อมาเจอน้ำตกสูง กลางป่าลึก

ผ่าดงช้าง ความรกชันแห่งภูเขา

ความเหนื่อยอ่อน ที่เดินกันอย่างหนักมา สองวันติดๆ

จึงเปรียบเสมือนคนหิว มาเจออาหารหอมกรุ่นชั้นเลิศ

ต่างก็กรูกันลงไปแย่งชิงอาหารที่แสนอร่อยนั่น

แทบทุกคนจะขนลุกขนพอง

เจ้าเบ้นซ์ เป็นพวกบ้าพลังทางจิต ก็เกิดอาการแน่น สั่นเหมือนผีจะเข้า

พระต้อง พระวิน หลายต่อหลายคน พอเข้าเขตสถานที่ ต่างขนลุกขนพอง

แม้แต่ข้าเอง ก็ขนหัวตั้ง

อาการเหล่านี้นี่ เขาเรียกว่าผีทัก

ที่นั่น ผีมันมากจริงๆนั่นแหละ

เหมือนกับมาชุมนุมกันที่นั่น มากันทั้งป่า ทั้งขุนเขา
เขามากันทำอะไร

เรื่องเหล่านี้นี่ มันไม่สาธารณะ

นอกจากเราจะได้ประสพพบด้วยตัวเอง

แต่สิ่งที่ยืนยันได้ก็คือ เราได้ที่พัก ที่ไม่มีวี่แววว่าจะมีที่พัก ท่ามกล่างเนินเขาที่แสนชันนี้

ที่ตรงนี้กลับมีน้ำตกเป็นกำแพงผา แหงนคอตั้งสูงชันเสียดฟ้า

เป็นหุบที่ซ่อนเร้น ยากแก่การค้นพบหรือค้นหา

สำหรับผู้เดินมาอย่างเหนื่ออ่อน ไม่รู้ทิศและหนทาง

สถานที่ตรงนี้ ดุจสรวงสวรรค์ ที่มนุษย์อย่างเราได้พบเจอ

ข้าได้ยินเสียงแว่วขึ้นมาในโสตว่า

” ขอนิมนต์พระคุณเจ้าพัก ณ.สถานที่ตรงนี้ ”

แค่นั้นแหละ ขนหัวลุกวาบ ขนพองสยองเกล้าขึ้นมาทันที

ค่อยๆพากันใต่เนินแสนชันนั้น ที่สูงขึ้นไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ลงไปในหุบเขาเบื้องล่าง

มันน่าจะมีกลองรัว และดนตรีกระหึ่มขึ้นมาเป็นซาวด์แทรกนะ

บรรยากาศ ยังกะหนังจูราสสิคเวิลด์ ยุคไดโนเสาร์โน้น

ตัวเราดูเล็กๆท่ามกลางหุบเขากว้างๆ

นี่ถ้าไต่ๆลงไป เจอหัวไอ้เจ้าตัวคอยาวๆ ข้าว่าได้วิ่งกันน้ำบาน

เราลงไปถึงด้านล่าง มีโขดหินราบเรียบขนาดใหญ่

ยังกะมีใครยกมาตระเตรียมเอาไว้เพื่อรับรองพวกเรา

เจ้าเบ้นซ์กวาดใบไม้ไปก็ขนหัวลุกไป บนลานหินใหญ่นั่น

ข้านำน้องๆที่ลงมาถึงก่อน เดินเข้าไปที่น้ำตกสูงชัน

เข้าไปทำพิธีบอกกล่าวและขอขมากรรมซะก่อน

เรื่องอย่างนี้ ในป่าในเขานี่จำเป็น

ใครอย่านึกว่า ตนนี้เป็นพระ เป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นผู้ถือศีล คงไม่มีอัตรายอะไร ไม่ได้เชียว

การบอกกล่าวและขอขมากรรมต่อสถานที่นี่มันสำคัญ

เพราะนอกจากสสารขี้เหม็นเป็นตัวอย่างเราแล้ว

ในแต่ละที่ เขายังมีพลังงานต่างๆอีกมากมาย

อย่าโลกสวยและหาว่างมงาย อยู่แค่ในบ้านในกุฏิเฉยๆแล้วนั่งมโนเอา

เสียงน้ำตกสาดซาดซ่ากระหึ่มก้องทั้งหุบเขา

มองแหงนขึ้นไปดุจกำแพงเมืองใหญ่ ตัวพวกเราดูนิดเดียว

เออหนอ สาวน้อยแสนสวยมาซ่อนตัวบดบังความงามในป่าลึก

เธองดงามและช่างบริสุทธิ์ เคยมาหลายครั้ง ทำไมไม่เคยเจอ

ข้าไปยืนใต้น้ำตกที่แสนเย็นฉ่ำ

ความแรงของน้ำช่างรุนแรงกระหน่ำสาดซัดลงมาด้วยความสูง

ต้องเอามือป้องหูไว้ ไม่งั้นเจ็บหูยังกะมีใครเอาไม้มาดีดใส่

พวกลิงก็เลยได้ที ดี้ด้ากรี๊ดกร๊าด เข้าไปให้กระแสน้ำทุบหลังกันตุ๊บตั๊บ

โดนไปคนละตุ๊บสองตุ๊บ ก็ต้องถอยออกมายืนตัวสั่นปากกระทบกันกิ๊กๆๆๆ ด้วยความหนาว

ช่างเป็นสถานที่ ที่น่าอยู่ น่านอน น่านั่ง ส่วนตัวเฉพาะกันเสียจริงๆ

เป็นแดนมหัศจรรย์ซ่อนลึกน่าระทึก แอบไว้ในราวป่า

แต่บรรยากาศช่างเยือกเย็น กระหึ่งก้องไปด้วยเสียงน้ำ

แค่กำหนดจิต ความสงบชนิดดับเครื่องวูบลึกลงไปในทันที

เป็นสถานที่ ที่เหมาะสำหรับจิตเข้าลึกไปถึงฌานสี่

สถานที่นี่สำคัญ กับการเข้าออกแห่งฌานทั้งหลายที่เรามีวาสนา

ฌานสี่นี่ สำคัญต่อกระแสธารแห่งบุพเพนิวาสา

สติเราจะคมและระลึกชาติอะไรได้มากๆแต่หนหลัง

ข้านั่งสงบๆอยู่บนโขดหินสูงใกล้น้ำตก

พระท่านต๊อง บอกกะข้าเป็นซาวด์แทรกเสียงเหน่อๆว่า

” ผ๊มกะว่า ผ๊มจะมานั่งทำสมาธิบนนี้ ที่แบบนี้แหล๊ะหล๋วงพ่อ”

หลังจากอาบน้ำเย็นๆลงมาแล้ว จนวันออกเดินกลับ

กุยังไม่เห็นพระท่านต๊อง ออกไปนั่งสมาธิบนโขดหินนั้นอีกเลย

มีแต่ห่อตัวนอนขดพยายามให้หลับกันยันเช้า

ท่านต๊องคงไม่รู้ว่าผีเขาทวง พูดแล้วไม่ทำ ในป่าเขาถือโว้ย

เสียงของน้ำตกที่กระหึ่มก้องอยู่ ทั่วหุบเขานั้นเมื่อกำหนดจิตทำสมาธิ

เราก็จะได้ยินเสียงพูด เสียงดนตรี เสียงอะไรๆมากมาย เข้ามาทางโสต

จริงๆอาจเป็นแค่การปรุงแต่งทางมโนจิตเราก็เป็นได้

เพราะเราจะเพ่งเสียงอะไร เสียงนั้นก็จะเกิด และเด่นชัดมากๆขึ้นไปตามกำลังแห่งสมาธิ

เรื่องเช่นนี้ เราต้องมาสัมผัสกันเอง ความเชื่อเช่นนี้มันเป็นอากาศ โจรก็พูดได้

ข้าได้ยินเสียงเคลียคลอออกมาท่านกลางความกระหึ่มของน้ำตกว่า

” ที่นี่นิมนต์มาก็หลายครั้ง แต่พระคุณท่านไม่ใส่ใจไม่แยแส

ที่อื่นๆเขานิมนต์ได้ไปดูแล ได้รับการแผ่ได้รับกุศลเมตตากันระบือ ”

ข้าลืมตาขึ้นมาก่อนที่จะเกิดอาการงอนกันด้วยวาทะ

นี่ถ้าหลายคนที่เคยตามๆกันมา อย่างเจ้าแจ๊ค เจ้าผึ้ง เจ้าหน่อง หรือน้องๆหลายคน ตามมาด้วย

รับรองงานนี้ ผีที่นี่ ต้องแฝงร่างเข้ามาพูดคุยกะข้าเยอะแยะเหมือนที่เขมร

การผ่านร่างมันแสดงออกทางอารมณ์ และความหมายปัจจุบันได้ง่ายกว่า

เราและทุกคนรอบๆ จะได้รู้อดีตที่ผ่านผีเหล่านี้ได้

พวกเขามีความทรงจำที่เป็นพลังงานเกี่ยวเนื่องกะเรากันอยู่

เรานำสิ่งเหล่านี้ มาอบรมใจเรา ให้มองเห็นความจริงอันเป็นสัจจธรรมได้

ว่ากรรมและวิบากอะไรทั้งหลายนั้น มันมีวัฏฏะหนทางที่ต้องเผชิญ

เราจึงไม่ควรทำชั่ว ด้วยประการทั้งปวง ในขณะมีธาตุขันดำรงค์ชีวิตอยู่

อากาศที่เย็นลง และพระจันทร์เต็มดวงสว่างจ้าอย่างไม่เคยเห็นท่ามกลางป่า

เราอาจจะอยู่สูงเกินกว่าที่เราเคยอยู่มาก พระจันทร์จึงสว่างจ้าและสวยสด

มันสว่างราวกับทั้งป่าเป็นกลางวันตอนเย็นๆ

มองไปในไพรพงและราวป่า มันสว่างเย็นนวลตา

ข้าหันมาถามเจ้าพวกลิงว่า

เฮ๊ย..นี่พวกเราตกเขาตายกันแล้วมานั่งรวมกันอยู่ตรงนี้รึเปล่าวะ ดูมันแปลกๆโว้ย

ทุกคนเงียบกริบ กลัวจะเป็นเช่นนั้น

พระจันทร์สว่างจ้าลูกโตเม็ดใหญ่ผิดปกติ

คืนนั้นเป็นคืนวันพระ 15 ค่ำน่ะ ถ้าจำไม่ผิด

เพราะผีเขามาบอกข้าให้พักต่ออีกสองคืนจะได้ไหม

วันพรุ่งนี้จะเกิดจันทรุปราคา เป็นคืนจันทรแห่งจันทราสีเลือด ที่เคยทำพิธี

เอาเข้าแล้วโว้ย เรื่องพวกนี้นี่ ริวจะไม่ยุ่งข้าบอกงั้น

สงสัยข้าคงเคยเป็นพ่อมดหมอผีมาก่อน

และการมาถึงธารน้ำตกในครั้งนี้ ก็คงได้รับการนิมนต์มาเพื่อเรื่องนี้งานนี้โดยเฉพาะ

ผีบอกว่า สามร้อยปีถึงจะเกิดครั้ง

แต่ละครั้งจะมีการนิมนต์ผู้ทรงคุณมาทำพิธีบวงสรวงจักรวาล

เป็นพิธีเปิดฟ้าเปิดแผ่นดิน สางพลังงานทั้งจักวาลให้เกิดความสมดุล

โอ๊วะ..ยังกะนิยายอวตาร แต่จิตทางมโน มันก็ฝันออกมาเป็นเช่นนั้น

ข้านี่พวกเพ้อเจ้ออยู่แล้ว พอนั่งสงบๆมันก็ฝันปรุงแต่งไปเรื่อยแหละ

เดี๋ยวก็ได้ออกไปถึงดาวคริสตันพาเลช เจอซุปเปอร์แมน

แล้วชวนกันไปหาฟิโกโร่ ที่ดาวนาแม็กซ์กัน

พอนั่งฝันถึงผี

ผีเขาก็บอกว่า อดีตข้าก็เคยสัญจรท่องเที่ยวอยู่แถวนี้แหละ

เคยเกิดเป็นช้างเป็นเสือ เป็นนกยูงอยู่ที่นี่

ครั้งนี้นี่ได้นิมนต์มา ขอกำลังแห่งข้าแผ่เมตตาคุณเพื่อความเจริญรุ่งเรือง

พรุ่งนี้พระจันทร์สีเลือด ขอนิมนต์เพื่ออยู่ทำพิธี

อย่าได้หลีกหนีไปเหมือนเคยดั่งที่รอมา

เดี๋ยวค่อยมาเล่าใหม่ เริ่มระลึกได้ว่า

ในคืนวันพระจันทร์สีเลือดนี่แหละ

ในอดีตผ่านมาหลายๆชาติโน่น ข้าเคยเป็นเจ้าพิธี กรีดข้อมือ ข้อเท้า แทงลงไปยังคอหญิงสาว

เพื่อนำเลือดแห่งสาวพรหมจรรย์ มาสังเวยบวงสรวง เทพผู้สถิตย์ณดินแดนแห่งฟากฟ้า

นี่..พอได้ฝันแล้วมันเริ่มหนุกขึ้นมาอย่างนี้

วันนี้พอแค่นี้ก่อน ไม่ว่างซะแล้ว

ขอสาธุคุณสวัสดี

พระธรรมเทศนา วันที่ 17 กุมภาพันธุ์ 2561

โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง