น้ำพุทธมนต์มีพลังอำนาจทางจิต

น้ำพุทธมนต์มีพลังอำนาจทางจิต

318
0
แบ่งปัน

**** “น้ำพุทธมนต์มีพลังอำนาจทางจิต” ****

ขอสาธุคุณโมทนาให้มีแต่ความสุขความเจริญ

เรื่องพรมน้ำมนต์นี้ มันเป็นความเชื่อกันมานับแต่โบราณ

หากว่ากันตามหยาบๆ น้ำก็คือน้ำนั่นแหละ

แต่สิ่งที่ผู้คนทั้งหลายไม่รู้ก็คือ

น้ำใดที่ผ่านกระแสแห่งเจตนา

โมเลกุลของน้ำนั้นจะเปลี่ยนแปลงไป

อณูเล็กๆระดับอะตอม

จะเปลี่ยนขยับจากสสารเป็นพลังงานก็มี

จากพลังงานเป็นสสารก็มี

เจตนาและกระแสแห่งคลื่นจิต

เป็นตัวผันแปรการเปลี่ยนแปลงไปตามผัสสะที่เข้าไปกระทบ

น้ำที่ปรุงแต่งด้วยเจตนาบริสุทธิ์

อ้างอิงบทมนต์ ที่เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ

โมเลกุลของน้ำที่ตกผลึก ก็จะเป็นผลึกรูปร่างที่สวย

หากใส่กระแสความชิงชังเคียดแค้นลงไป

ผลึกโมเลกุลของน้ำก็จะมีรูปทรงน่ากลัว เกาะกันเป็นก้อนๆ

หากไม่สนใจ ปล่อยไว้เฉยๆ ผลึกของน้ำก็จะไม่บริสุทธิ์ มันเกิดไปตามเหตุปัจจัยรอบข้าง

นี่..ระดับจุลภาคมันมีการเปลี่ยนแปลง ไปตามหลักแห่งควอนตัมฟิสิกส์

น้ำที่มีการเปลี่ยนแปลงทางผลึกพันธุกรรม

ย่อมมีผลต่อสสารและพลังงานที่กระทบ

ผลึกที่ละเอียดที่ผ่านเจตนานี้

สามารถซึมซาบเข้าไปสู่ทุกอณูของร่างกายและรูปต่างๆ

มันชะล้างกระแสแห่งปรปักษ์ได้

มันกอปรไปด้วยคลื่นพลังงานแห่งเจตนาและสสาร

ทำลายล้างพลังงานหยาบ ให้ย่อยสลายลงไปได้

เรื่องน้ำมนต์นี้ มันยังมีมุมอีกมากมาย ที่เรายังไม่ได้เรียนรู้กัน

บางคนโดนพลังงานแฝงกาย

น้ำมนต์ที่อาราธนาผ่านบทมนต์ เช่นอิติปิโสฯ

สามารถขับไล่พลังงานแฝง ให้ทุรนทุรายร้อนรน และถอยหนีห่างได้

ดุจไฟสาดไล่เผาผลาญ อยู่ร่วมไม่ได้

หากเจตนาของพลังงานแฝงเป็นปรปักษ์

กลับกัน หากพลังงานแฝงเป็นมิตร

น้ำมนต์นั้นก็จะเสริมส่งให้ชุ่มฉ่ำใจเช่นกัน

เรื่องน้ำมนต์นี่ เรามีความเชื่อมาแต่โบราณ

ผู้ป่วยทางจิตหลายท่าน เมื่อได้รดน้ำมนต์ กลับกลายหายดี

นี่..ที่เขาเรียกว่าโดนของ มันก็มีเช่นนี้อีก

ทางการแพทย์รักษาได้แค่ ทางฟิสิกส์กับชีวะภาพ

แต่น้ำมนต์เข้าลึกไปถึง จิต กรรม และธรรม

มันเป็นเรื่องของพลังงาน ที่ละเอียดลึกลงไป

และน้ำมนต์ ใช้ไม่ได้กับกระแสจิต ที่ไม่มีศรัทธา

มันเป็นเรื่องความละเอียดแห่งพลังงานและคลื่นกระแสจิตกันอยู่

สมัยหนึ่ง ข้าได้เข้าไปยังเขมร ได้พากลุ่มน้องๆไปนครวัด

พวกเราร้อยกว่าชีวิต โดนพลังงานแฝงกันเป็นร้อย

ต่างมีอาการทางร่างกาย ที่เรียกกันว่าผีเข้านั่นแหละ

ท้องร่วงกันระนาว เพ้อพกคร่ำครวญก็มี

ข้าได้นำเอาน้ำมาอาราธนาคุณแห่งพระพุทธ แบ่งกินคนแก้ว

อาการต่างๆก็หายไป หายกันแบบปลิดทิ้ง

แม้แต่เภสัชเองที่ไปก็โดน ต่างกินยาก็ไม่หาย ต้องกินน้ำมนต์

เมื่อกินน้ำมนต์แล้วก็หาย และหายกันทุกคน

แม้แต่ศาลเจ้าแจ๊ะเจ้าจอมของเขมร

พลังงานที่นั่น ก็ขอให้ข้าไปทำพิธีปลดปล่อย วิญญานให้เขาหน่อย

ข้าน่ะทำไม่เป็นตามเขาร้องขอหรอก

ก็ได้แต่สวดขอขมากรรม และพุทธังกันนี่แหละ

ขออาราธนาคุณพระพุทธ สถิตย์ลงไปยังน้ำในบาตร ให้เป็นน้ำพุทธมนต์

และตวัดด้วยดอกบัวพรมไปทั่วศาล

แค่นี้แหละ เหล่าวิญญานได้รับการปลดปล่อยจากการจองจำด้วยมนต์ตรามากว่า 700 ปีได้

บางเรื่องนี่ มันก็ดูเป็นเรื่องโม้เน๊อะ แต่คนเป็นร้อยเป็นพยานได้

คราวนี้ข้อเสียของคนก็คือ

เอะอะอะไร ก็ขอให้ทำน้ำมนต์ให้กิน ที่จริงโทษแห่งการทำมันก็มี

โทษก็คือ ไม่ว่าอธิฐานให้เป็นอะไร เช่นขอให้หายเจ็บหายไข้

ผู้ทำน้ำมนต์ก็จะต้องรับวิบากกรรมนั้นแทน

มีได้ก็ต้องมีเสียน่ะ มันเป็นธรรมดา

ที่ไม่ค่อยเป็นอะไรกันนั้น เป็นเพราะกำลังฌานอ่อน และน้ำมนต์ไม่เข้มขลัง

ถ้าเข้มขลังละก็ วิบากมันจะย้อนกลับไปสู่ตัวเจ้าของ

วิธีแก้ก็คือ ให้เอาน้ำมนต์นั้นกลับเข้ามาพรมร่างหรือกินเข้าไป

แต่ถ้าเป็นการอาราธนาเพื่อสาธารณะเช่น ตามวัดตามโบสถนี่ไม่เป็นไร

แต่ผู้อธิฐานก็ต้องเอาน้ำพุทธมนต์ที่อธิฐานนั้นพรมหัวตัวเองด้วย

ทำแล้วทิ้ง พลังงานจะเข้าตัว บางคนป่วยไข้ไม่หาย

วิบากนั้น มันมีเรื่องของพลังงานอยู่ นอกจากรูปสสารที่เราพบเห็นแล้ว

เราเอาน้ำมนต์มาเป็นที่ตั้งแห่งใจเล็กน้อย ให้มันพอดีๆกับปัญญา

เชื่อก็ใช้ได้ ไม่เชื่อก็ไม่ต้องใช้

ทุกอย่างมันมีเหตุมีผลของมัน

เป็นแต่เรานี่แหละ

ไม่ค่อยจะฟังเหตุฟังผล

เอาแต่อัตตาตนที่คิดว่างี้ๆๆไปตามตรึกตามตรรกะแห่งตน

เราลองรับฟังสิ่งที่นอกเหนือไปจากอัตตาตนซะบ้าง

มันก็จะพอมีที่ว่างให้เรานั้น พอที่จะฉลาดขึ้น

แต่อย่าให้เขาหลอกเอาก็แล้วกัน

ส่วนใหญ่เป็นน้ำมนต์หลอกๆ ไม่มีมนต์ขลังอะไรหรอก

จึงขอให้ท่านพึงมีสติพิจารณาไว้ด้วย

นี่..ท่านจึงเรียกว่า ผู้มีพละ..

คือ ปัญญาและศรัทธานั้นเสมอกันด้วยสติ

พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง

วันที่ 29 ธันวาคม 2560