ปัญญาและศรัทธามากไปโต่งด้วยกันทั้งคู่

ปัญญาและศรัทธามากไปโต่งด้วยกันทั้งคู่

271
0
แบ่งปัน

**** “ปัญญาและศรัทธามากไปโต่งด้วยกันทั้งคู่” ****

>> ลูกศิษย์ 1 : มีเรื่องที่ขออนุญาตกราบเรียนค่ะ

น้อง นที ที่เค้าขับมอเตอร์ไซด์ เค้าแหกโค้ง ประสบอุบัติเหตุ

ตอนนี้นอนพักรักษาตัวอยู่ที่แม่สอด เค้าบอกว่า เค้ารอดตายเพราะเศษจีวรของหลวงตาค่ะ

เค้าว่า “ได้ผ้าเหลืองหลวงพ่อ เลยไม่ตายขอรับ”

ล้มที่โค้ง 100 ศพ หนองบัวลำภู ขับเอง ใครๆ เห็นสภาพก็คิดแต่ว่าต้องตาย

เค้าบอกว่า รอดมาได้ เพราะเก็บจีวรหลวงตาไว้กับตัว และเพราะบารมีของหลวงตาค่ะ

พักฟื้นได้อาทิตย์นึงแล้ว ตอนนี้เดินพอได้แล้วค่ะ เค้าฝากกราบขอบพระคุณมาด้วยค่ะ

<< พระอาจารย์ : วิบากมันมาให้ผลน่ะ ทุกคนก็ต้องเผชิญ แต่มีของพระพุทธดูแล ไม่งั้น ตายโหง

มีพระมีผ้า พระพุทธ ไม่ตายโหง ใจที่ยึดพระ ผ่อนหนักได้ เป็นธรรมดา

ข้าเองไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ แต่จริงๆมันก็มีในรูปของพลังงาน

คนทั่วไปคิดว่ามันเป็นแค่วัตถุ งมงายเปล่าๆ คิดเช่นนี้มันก็ถูกต้อง

สิ่งเหล่านี้ไม่ควรยึดถือ เพราะมันดลบันดาลอะไรให้ใครไม่ได้

แต่ที่เขาไม่รู้กันก็คือ มันเป็นที่ตั้งแห่งใจของเขาได้

เพราะความเป็นที่ตั้งแห่งใจนี่แหละ อกุศลวิบาก มันจึงให้ผลไม่มากมายนัก

เพราะใจมันมีที่ยึดเกาะตามเหตุปรุงแต่งของมัน

>> ลูกศิษย์ 1 : หลวงพี่คะ ขอถามค่ะ แล้วถ้าหนูไม่ได้พกติดตัว แต่หนูใช้วิธีระลึกถึงเสมอๆ ละคะ พุทธคุณเหมือนกันรึป่าวค่ะ หนูแอบกังวล

<< พระอาจารย์ : กำลังใจเรามีไม่พอ เท่ากับการมีวัตถุ เพราะใจเรายังอ่อนแอ หากเป็นใจที่เข้มแข็งแล้ว จะมีหรือไม่มี ไม่มีปัญหา

จีวรหรือองค์พระ มีค่าแค่วัตถุ ช่วยอะไรใจไม่ได้ สิ่งเหล่านี้ เป็นที่ตั้งแห่งใจในการยึดไว้ ใจที่ตั้งมั่น สิ่งเหล่านี้ย่อมศักดิ์สิทธิ์

แต่จริงๆ แล้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เกิดจากใจ ไม่ใช่จากจีวรหรือองค์พระ แต่ใจที่อ่อนแอ จำเป็นต้องมีที่พึ่งเหมือนงมงาย แต่จำเป็นต้องงมงาย

เพราะใจเรามันเป็นเด็กน้อย เด็กอ่อน จะให้มากินไก่ย่าง เพราะธาตุอาหารสูง ย่อมเกินกำลัง ยังไงก็เคี้ยวไม่ออก ต้องให้แม่ย่อยเป็นน้ำนม

เรามันมีใจเปรียบเหมือนเด็กน้อยๆ ยังไงก็ต้องกินนมไปก่อน อย่าเพิ่งไปสะเออะ แดกไก่ เคเอฟซี ฟันมันยังไม่มี

>> ลูกศิษย์ 2 : หลวงพี่แล้ว การที่เขา เอาจีวร หลวงพี่ติดตัวไว้ หนะ ช่วยลดวิบาก ที่เขาต้องเผชิญ ยังงัย อะ แบบ วิบากที่เขาต้องเจอ คือการตายโหง เพราะกระแส แห่งบุญ หรอ ทำให้ทุเลาลง

<< พระอาจารย์ : กำลังใจที่นำสิ่งพกพานั่นแหละ ทำให้มีกระแสแห่งการต้านวิบากบางส่วน

ไม่ใช่ว่าจะไม่เกิด แต่หากวิบากนั้นไม่รุนแรง วิบากพรากชีวิตไม่ได้ เพราะใจมีที่เหนี่ยวรั้งอยู่

และการเหนี่ยวรั้ง มันไม่ใช่ความคิดอีก เราก็จะยิ่งไม่เข้าใจแม้อธิบาย มันเป็นเรื่องกระแสแห่งโปรแกรมจิต

แต่เรามักเอาความนึกคิดไปเป็นเจ้าของ ใจมันตั้งมาก่อนแล้ว ถ้าไม่ศรัทธา มันก็ไม่พก และไม่เอา มันยกเหนือหัวทูนเกล้ามาก่อนแล้ว

ใจมันบันทึกของมัน และมันก็สร้างกำลังต้านของมันเอง แม้ว่าความจริงแล้ว พระหรือจีวร ไม่เกี่ยวเลย แต่ถ้าหากรู้แล้วว่าไม่เกี่ยว ไม่จำเป็นก็ได้

ใจที่อ่อนๆ อย่างเรา มันก็ไม่มีที่ตั้ง หากเกิดวิบากให้ผล มันถึงตาย เพราะไม่มีอะไรเหนี่ยวใจให้ยึด

แคล้ว ธนิกุล โดนยิงตาย แต่เขาตายไปแล้วไปอยู่ชั้น ดาวดึงส์ เพราะกำพระไว้แน่น

ปากพร่ำบอก หลวงพ่อช่วยด้วย ขณะโดนกราดยิงตายไป กลับไปสู่ความเป็นเทวภูมิ ไม่ลงอบายภูมิ

หลวงปู่โง่นเป็นคนบอกเรื่องแคล้วโดนยิง

นี่..เพราะมีที่ตั้งแห่งใจ อยากรู้ว่าแคล้วอยู่ดาวดึงส์จริงไหม ก็ต้องขึ้นไปดูเอาเอง แม่อำพันนาค เขาเป็นพี่สาวแคล้ว ในอดีต เขาก็อยู่ ดาวดึงส์

ขอให้มีพระขึ้นมาในใจเถิด ตั้งมั่นไว้ ไปดีทั้งนั้น แม้จริยา มันจะเหี้ยๆ ซักหน่อยก็ตาม ไม่เกี่ยวกับจริยา แห่งการแสดงออก

>> ลูกศิษย์ 3 : การเชื่อเรื่องเหล่านี้เป็นการงมงายของคนไม่ฉลาดเลยหรือเปล่าครับ

ฝรั่งเขาก็ไม่ได้มีพระติดตัวเวลาไปรบ ไม่เห็นว่าเขาจะเป็นอะไรเหมือนกัน

<< พระอาจารย์ : ความเชื่อนั้นมันควบคู่กับปัญญา ไม่ใช่ว่า เมื่อไม่เชื่อแล้วจะเป็นคนฉลาดเป็นคนมีปัญญา

ฝรั่งเขาก็มีพระผู้เป็นเจ้าในใจของเขา เวลาจวนตัวไปไม่ไหว

พวกเขาก็พร่ำบ่นยกมือเตะหน้าผากและอกซ้ายขวาเหมือนกัน

ทุกคนทุกชาติมีที่ตั้งแห่งใจทั้งนั้น แค่แตกต่างรูปแบบกันออกไป นี่เป็นธรรมชาคิของมนุษย์

พุทธศาสนาชี้ให้เห็นว่า สิ่งเหล่านี้ เป็นเครื่องขวางมรรคผล หากใจเราเข้าไปยึด

ความหมายไม่ใช่ไม่ให้ยึด ท่านให้ยึดอย่างมีปัญญาพอดีๆกับศรัทธา

หากศรัทธามากไปมันก็งมงาย หวงแหนวัตถุสิ่งของ ใจมันจะย้อมด้วยโลภ

หากปัญญามากเกิน มันจะขี้สงสัย ไม่มีหลักอะไรให้ยึดเกาะ ใจมันจะย้อมมาทางโทสะ

ทั้งสองส่วนนี่เป็นความโต่งแห่งวิถีจิต มันเป็นอาการของคนที่เต็มไปด้วยโมหะ

ผู้ที่อยู่ในร่องเช่นนี้ หนทางแห่งการเกิดปัญญามันจะตีบแคบ

ไม่ใช่ให้เชื่อหรือไม่ให้เชื่อ ยึดหรือไม่ยึดในวัตถุอย่างที่เราเข้าใจ และตีความกัน

ถาม – ตอบปัญหาธรรม ณ วันที่ 2 มกราคม 2557 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง